[812] Burnout Syndrome ภาวะหมดไฟในการทำงาน ปัญหาอันดับ 1 วัยทำงาน (1200 x 768 px)

     ในบางช่วงเวลาของชีวิต มักมีเรื่องยุ่งวุ่นวายมากมาย เนื่องจากต้องจัดการกับความรับผิดชอบต่างๆ ในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน การช่วยเหลือผู้อื่น หรือการดูแลครอบครัว บางครั้งเรายุ่งเกินไปจนลืมที่จะพักหายใจสักครู่ ซึ่งสถานการณ์ที่เร่งรีบและกดดันเหล่านี้อาจทำให้เกิดอาการหมดไฟได้

ภาวะหมดไฟ (Burnout syndrome) คืออะไร

ภาวะหมดไฟ (Burnout syndrome) คืออะไร?

     ภาวะหมดไฟ (Burnout syndrome) เป็นรูปแบบหนึ่งของความอ่อนล้าที่เกิดจากความรู้สึกว่าถูกครอบงำตลอดเวลาด้วยความเครียด ภาวะนี้จะเกิดขึ้นเมื่อเรารู้สึกเหนื่อยล้าทางอารมณ์ ร่างกาย จิตใจมากเกินไป และยังกินเวลานานเกินไปอีกด้วย ในหลายกรณี ภาวะหมดไฟมักมีความเกี่ยวข้องกับงานประจำที่ทำอยู่ทุกวัน แต่ภาวะหมดไฟยังสามารถเกิดขึ้นได้ในด้านอื่นๆ ของชีวิต ชีวิตทางสังคม รวมถึงส่งผลต่อสุขภาพด้วย

สัญญาณและอาการของภาวะหมดไฟ

สัญญาณและอาการของภาวะหมดไฟ

1.สัญญาณทางกายภาพ

  • รู้สึกเหนื่อยล้าและหมดแรงตลอดเวลา
  • ภูมิคุ้มกันต่ำ เจ็บป่วยบ่อย
  • ปวดหัวหรือปวดกล้ามเนื้อบ่อย
  • ความอยากอาหาร หรือพฤติกรรมการนอนหลับเปลี่ยนแปลง

2.สัญญาณทางอารมณ์

  • รู้สึกล้มเหลวและไม่มั่นใจในตัวเอง
  • รู้สึกหมดหนทาง ไร้อิสระ รู้สึกพ่ายแพ้
  • รู้สึกโดดเดี่ยว
  • สูญเสียแรงจูงใจ มีทัศนคติเชิงลบ และมองโลกในแง่ร้ายมากขึ้น
  • ความพึงพอใจและความรู้สึกสำเร็จลดลง

3.สัญญาณด้านพฤติกรรม

  • หลีกเลี่ยงจากความรับผิดชอบ
  • แยกตัวจากผู้อื่น
  • ผัดวันประกันพรุ่ง ใช้เวลาทำสิ่งต่างๆ นานขึ้น
  • กินอาหาร ใช้ยา หรือแอลกอฮอล์เพื่อรับมือกับปัญหา
  • ระบายความหงุดหงิดกับผู้อื่น
  • หนีงาน หรือมาทำงานสาย และเลิกงานเร็ว
5 ระยะของอาการหมดไฟ

5 ระยะของอาการหมดไฟ

ระยะฮันนีมูน (Honeymoon Phase)

1.ระยะฮันนีมูน (Honeymoon Phase) :

     มีความรู้สึกทุ่มเท มีความพยายาม ซึ่งมักเกิดขึ้นช่วงที่เพิ่งได้งานใหม่ ได้เลื่อนตำแหน่ง เข้าเรียนในชั้นเรียน หรือเริ่มเป็นพ่อแม่หรือดูแลผู้อื่น เรามักมีความพร้อมที่จะยอมรับความรับผิดชอบใหม่ๆ กระตือรือร้นที่จะพิสูจน์ตัวเอง

ระยะเริ่มเครียด (Stress Onset)

2.ระยะเริ่มเครียด (Stress Onset) :

     ความเครียดจากการรับผิดชอบงานใหม่เริ่มส่งผลกระทบ เราเริ่มละเลยความต้องการดูแลตนเอง คุณภาพการนอนหลับของคุณลดลง ความวิตกกังวลปรากฏขึ้นบ่อยขึ้น พร้อมกับความหงุดหงิด ปวดหัว และเหนื่อยล้า ประสิทธิภาพการทำงานน้อยลง มีสมาธิจดจ่อได้ยากขึ้น และพยายามหลีกเลี่ยงการตัดสินใจ

ระยะความเครียดเรื้อรัง (Chronic Stress)

3.ระยะความเครียดเรื้อรัง (Chronic Stress) :

     คุณรู้สึกเหนื่อยล้าตลอดเวลาและรู้สึกเย้ยหยันหรือเฉยเมย ปัญหาทางสังคมอาจเกิดขึ้นได้เช่นกัน มักหลีกเลี่ยงจากเพื่อนร่วมงาน หรือรู้สึกขุ่นเคืองต่อคนที่คุณรัก มีการผัดวันประกันพรุ่ง หรือใช้แอลกอฮอล์เพื่อรักษาตัวเองอยู่บ่อยครั้ง

ระยะหมดไฟในการทำงาน (Burnout)

4.ระยะหมดไฟในการทำงาน (Burnout) :

     เราจะเริ่มรู้สึกมองโลกในแง่ร้ายเกี่ยวกับอนาคตและหมกมุ่นอยู่กับปัญหาใดๆ ก็ตามที่เกิดขึ้น อีกทั้งยังละเลยสุขภาพ ซึ่งมาพร้อมกับปัญหาทางกายภาพ เช่น ปัญหาทางเดินอาหาร และอาการปวดหัวเรื้อรัง รวมถึงมีความรู้สึกไม่มั่นใจในตัวเอง และพยายามแยกตัวเองออกจากสังคม

ระยะหมดไฟในการทำงานเรื้อรัง (Habitual Burnout)

5.ระยะหมดไฟในการทำงานเรื้อรัง (Habitual Burnout) :

     ชีวิตความเป็นอยู่ของเราจะแย่ลง มีอารมณ์เศร้าตลอดเวลา เหนื่อยล้าทั้งทางจิตใจและร่างกาย อาจทำให้เกิดภาวะซึมเศร้าขึ้นได้

 

สาเหตุของภาวะหมดไฟ

สาเหตุของภาวะหมดไฟ

1.สาเหตุของภาวะหมดไฟที่เกี่ยวข้องกับงาน

  • รู้สึกว่าควบคุมงานของตัวเองได้น้อยหรือไม่ได้เลย
  • ขาดการยอมรับหรือรางวัลสำหรับงานที่ทำได้ดี
  • ความคาดหวังในผลงานที่มากจนเกินไป
  • ทำงานที่ซ้ำซาก จำเจ หรือไม่ท้าทายทำงานในสภาพแวดล้อมที่วุ่นวายหรือกดดันสูง

2.ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่ทำให้เกิดภาวะหมดไฟ

  • ทำงานหนักเกินไป ไม่มีเวลาเข้าสังคม หรือพักผ่อนเพียงพอ
  • ขาดความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิด และคนที่คอยสนับสนุน
  • รับความรับผิดชอบมากเกินไป รวมถึงไม่ได้รับความช่วยเหลือจากผู้อื่นอย่างเพียงพอ
  • นอนหลับไม่เพียงพอ

3.ลักษณะบุคลิกภาพสามารถนำไปสู่ภาวะหมดไฟ

  • แนวโน้มของความเป็น Perfectionist หรือรู้สึกไม่ดีพอสักที
  • มองตัวเองและโลกใบนี้ในแง่ร้าย
  • ทุกอย่างต้องอยู่ในการควบคุมของตัวเอง ทำให้ลังเลที่จะมอบหมายงานให้ผู้อื่น

5 กลยุทธ์ในการต่อสู้กับภาวะหมดไฟ

1. การสำรวจตัวเองว่ากำลังประสบกับความเหนื่อยหน่ายในงานหรือไม่

โดยมีข้อสังเกตุเป็นข้อคำถามดังต่อไปนี้คือ

  • มีความเครียดอย่างรุนแรง โดยมีอาการอ่อนเพลีย นอนไม่หลับ เนื่องจากการทำงานหรือไม่?
  • กลัวที่จะไปทำงานทุกวันหรือไม่?
  • กังวลเกี่ยวกับการทำงาน แม้ว่าจะเป็นเวลาที่อยู่บ้าน ในเวลาว่างหรือไม่?
  • เคยรู้สึกถูกดูถูก มองในทางลบ ทั้งต่องานและเพื่อนร่วมงาน หรือรู้สึกห่างเหินจากเพื่อนร่วมงานหรือไม่?
  • รู้สึกไม่สามารถทำงานที่เคยเป็นเรื่องง่ายได้แล้ว?
  • พบปัญหาทางกายมากขึ้น เช่น ปวดหัวมากขึ้น?

2. พยายามนอนให้มากขึ้น :

     การนอนหลับที่ดีขึ้น เป็นสัญญาณสำคัญที่จะทำให้ร่างกายคนเราสามารถฟื้นตัวจากความเหนื่อยหน่ายและพร้อมที่จะกลับไปทำงาน

3. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ :

     การที่จะบอกว่าการออกกำลังกายทีี่ถึงระดับที่มีผลต่อการทำงานหัวใจและหลอดเลือดนั้น สามารถทำได้ง่าย ซึ่งการออกกำลังกายที่ถึงระดับการทำงานของหัวใจและหลอดเลือดนั้น สามารถลดอาการเหนื่อยหน่ายอย่างมีนัยสำคัญในเวลาเพียง 4 สัปดาห์

4. ทำสมาธิ :

     การทำสมาธิแบบฝึกสติ เป็นเทคนิคที่สามารถช่วยให้เรารับมือกับปัญหาได้ในทุกสถานการณ์ สามารถฝึกฝน เพียงอย่างน้อย 10 นาทีต่อวัน ก็สามารถทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในร่างกายและจิตใจได้อย่างมีนัยสำคัญ

5. ฝึกหายใจ (Breathing exercise) :

     ฝึกการหายใจอย่างมีสติ ซึ่งเป็นรูปแบบหนึ่งของการทำสมาธิ หายใจเข้า 4 ครั้งและหายใจออก 4 ครั้ง โดยตั้งสติเพ่งความสนใจอยู่ที่ลมหายใจเข้าออก เป็นต้น

 

     เมื่อเราได้รับรู้ถึงสัญญาณเตือนของภาวะหมดไฟแล้ว การพยายามฝืนความเหนื่อยล้าและดำเนินชีวิตต่อไปในแบบเดิมจะยิ่งสร้างความเสียหายทางอารมณ์และร่างกายมากขึ้น ตอนนี้เป็นเวลาที่เราจะต้องหยุดพัก และปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตความเป็นอยู่ โดยเรียนรู้วิธีช่วยตัวเองเอาชนะภาวะหมดไฟ เพื่อให้มีสุขภาพดี และสามารถมองโลกในแง่ดีอีกครั้ง

บทความโดย

ประวัติผู้เขียน

ภาพโดย

แชร์บทความ

ระบบชำระเงินรองรับ PromptPay, บัตรเครดิต และช่องทางอื่นๆ

X

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรังปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

Save