![[213] เด็กพิเศษ เป็นแบบไหน รู้จักและเข้าใจพวกเขาให้มากขึ้น (1200 x 768 px)](https://mentalmateservice.com/wp-content/uploads/2024/07/213-เด็กพิเศษ-เป็นแบบไหน-รู้จักและเข้าใจพวกเขาให้มากขึ้น-1200-x-768-px-1024x655.webp)

ภาพถ่ายโดย Meruyert Gonullu จาก Pexels: https://www.pexels.com/photo/mother-and-baby-playing-together-7499570/
เด็กพิเศษ คืออะไร?
เด็กพิเศษ หมายถึง เด็กที่ต้องการการดูแลช่วยเหลือเป็นพิเศษ ทั้งในด้านสังคม การเรียนรู้และการใช้ชีวิตประจำวัน เด็กพิเศษมีหลายด้านแต่ไม่ว่าอย่างไรหากยิ่งเราเริ่มต้นดูแลเอาใจใส่ แก้ไขข้อบกพร่องตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ เด็ก ๆ ก็จะมีโอกาสเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีได้มากขึ้น

เด็กพิเศษมีใครบ้างนะ?
เด็กพิเศษมีการจำแนกไว้แตกต่างกันตามวัตถุประสงค์และวิธีการช่วยเหลือ โดยครอบคลุมเด็กที่มีความบกพร่องหรือพิการ เด็กอัจฉริยะ รวมถึงเด็กยากจนขาดโอกาสทางการศึกษาด้วย
แต่ในวันนี้จะขอพูดถึงกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับจิตแพทย์เด็กและทีมสหวิชาชีพมากที่สุด ได้แก่
- กลุ่มเด็กที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา (ID – Intellectual Disability) คือ กลุ่มเด็กที่มีระดับสติปัญญาต่ำกว่าเกณฑ์เฉลี่ยอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งมาจากการวัดโดยแบบทดสอบที่ได้มาตรฐาน โดยนักจิตวิทยาคลินิก ลักษณะเด็กกลุ่มนี้จะมีปัญหาเกือบทุกด้านในชีวิตประจำวัน ไม่สามารถเรียนรู้และปรับตัวได้เหมาะสมสอดคล้องกับเด็กทั่วไปในวัยเดียวกัน มีข้อจำกัดในการเรียนรู้ มักทำสิ่งต่าง ๆ ได้ด้อยกว่าเพื่อน ๆ ในวัยเดียวกัน
- เด็กกลุ่มนี้แบ่งออกเป็น 4 ระดับ คือ ระดับน้อย ระดับปานกลาง ระดับรุนแรง และระดับรุนแรงมาก
- กลุ่มเด็กที่บกพร่องทางการเรียนรู้ หรือ กลุ่มแอลดี (LD – Specific Learning Disorder) คือ เด็กที่ดูฉลาด คล่องแคล่ว รู้เรื่องดี แต่เวลาให้อ่าน เขียน หรือคิดคำนวณ กลับทำได้ไม่สอดคล้องกับความฉลาดที่สังเกตเห็น อาจมีปัญหาด้านเดียว สองด้าน หรือทั้งสามด้านก็ได้
- สามารถแบ่งความบกพร่องได้ 3 ด้าน คือ
การอ่าน -> อ่านหนังสือไม่ออก ผันวรรณยุกต์ไม่ได้ ขาดทักษะในการสะกดคำ
การเขียนสะกดคำ -> เรียงลำดับอักษรผิด เขียนไม่ถูกต้อง
การคำนวณ -> ไม่เข้าใจค่าหรือสัญลักษณ์ทางคณิตศาสตร์
- สามารถแบ่งความบกพร่องได้ 3 ด้าน คือ
- กลุ่มเด็กออทิสติก (ASD – Autism Spectrum Disorder) คือ เด็กที่มีความบกพร่องในพัฒนาการทางสังคม ภาษา การสื่อความหมาย รวมถึงพฤติกรรมทางอารมณ์ คีย์สำคัญของเด็กกลุ่มนี้ คือ ไม่สบตา ไม่พาที ไม่ชี้นิ้ว มีพัฒนาการด้านภาษาและการสื่อสารบกพร่อง ใช้ภาษาต่างดาวหรืออะไรที่เข้าใจเพียงคนเดียว ขาดความยืดหยุ่น รวมถึงแสดงพฤติกรรมบางอย่างซ้ำ ๆ เช่น การเดินเขย่งปลายเท้า หมกหมุ่นกับสิ่งของบางอย่างซ้ำ ๆ

สาเหตุของเด็กพิเศษเกิดจากอะไรนะ?
เนื่องจากเด็กพิเศษมีหลายรูปแบบ บางรูปแบบก็สามารถรู้ล่วงหน้าว่าเป็นเด็กพิเศษหรือไม่ บางรูปแบบเกิดแล้วค่อยรู้ บางรูปแบบเกิดแล้วก็ยังไม่รู้เลย ต้องรอดูตอนโตอีกหน่อย
มาเริ่มในกลุ่มแรกที่รู้ได้ก่อนเกิด คือ ความผิดปกติของโครโมโซม เช่น ดาวน์ ซินโดรม ซึ่งเป็นความผิดปกติของโครโมโซมคู่ที่ 21 สามารถตรวจได้ตั้งแต่ช่วงตั้งครรภ์ 8-10 สัปดาห์
กลุ่มถัดมา คือ กลุ่มที่เกิดมาแล้วค่อยรู้ อยู่ในช่วงแรกเกิด – 8 เดือนแรก เป็นกลุ่มของความผิดปกติในด้านกล้ามเนื้อ การเคลื่อนไหว เป็นต้น
และในกลุ่มที่สาม คือ กลุ่มที่เกิดมาแล้วครบ 32 ดูปกติดี แต่เมื่อผ่านไปซักพัก กลับพบว่ามีพัฒนาการในด้านต่าง ๆ ล้าช้า เช่น ด้านการพูด ด้านสังคมการเล่น ไม่สบตาเวลาคุย หรือพบว่าค่อนข้างยุกยิก อยู่ไม่นิ่ง เสียงดังโวยวาย สมาธิน้อย เล่นซนมาก เมื่อเข้าเรียน พบว่า อ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ คำนวณไม่เป็น เป็นต้น

วิธีดูแลเด็กพิเศษควรทำอย่างไร
อย่างที่เราคุยกันไปตอนต้นว่าเด็กพิเศษมีความแตกต่างกัน ดังนั้นการช่วยเหลือดูแลจะต่างกันไปตามความต้องการที่เฉพาะเจาะจง แต่ในวันนี้จะขอเสนอการดูแลในเบื้องต้นที่ผู้ปกครองจำเป็นต้องมีก่อน ได้แก่
1.การยอมรับ เข้าใจ และให้ความร่วมมือในการรักษา
อันดับแรกคือต้องยอมรับอย่างเข้าใจว่าเด็กมีความต้องการพิเศษและแตกต่างจากคนอื่น ๆ ในวัยของเขา แม้จะมีสิ่งที่แตกต่างกันแต่หนึ่งสิ่งที่เหมือนกันคือเด็กเหล่านี้ก็สามารถเรียนรู้และพัฒนาได้
2.ให้เวลากับลูกมากขึ้น
ผ่านการจัดตารางกิจวัตรประจำวัน เพราะการดูแลเด็กที่มีความต้องการพิเศษ ต้องทำซ้ำๆ ฝึกฝนบ่อย ๆ แม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อยอย่างการดูแลตัวเองเบื้องต้นก็ตาม เพื่อให้เด็กมีวินัย เข้าใจและยอมอยู่ในกติกาพื้นฐาน ตั้งแต่ภายในบ้าน
3.การเสริมแรงทางบวก
พลังใจให้เด็กกล้าที่จะทำมากขึ้น การเสริมแรงมีอยู่หลายวิธี แต่วิธีที่ง่ายที่สุด คือ การให้คำชมไปที่พฤติกรรมที่เด็กทำ การแสดงท่าทางที่บอกว่าเรากำลังสนับสนุนเขา เป็นต้น
4.การให้กำลังใจกันภายในครอบครัว
สิ่งหนึ่งที่จะพบบ่อย ๆ คือ ความผิดหวังและท้อแท้เมื่อพบว่าเด็กที่เกิดมามีความต้องการพิเศษหรือพิการ ดังนั้นการให้กำลังใจกัน คอยประคับประคองและร่วมกันส่งเสริมทั้งกายและใจ เชื่อมั่นกันในครอบครัว จะส่งเสริมให้เด็กมีพัฒนาการที่ดีขึ้นคงจะดีกว่าการมาตำหนิความบกพร่องที่มาแล้วหรือแม่แต่การโทษโชคชะตาเวรกรรม
สำหรับใครที่มีความสงสัยเกี่ยวกับอาการ หรือกำลังเผชิญกับปัญหา โรคทางจิตใจ ปัญหาความสัมพันธ์ต่าง ๆ ในครอบครัว คนรัก ไปจนถึงภาวะต่าง ๆ เช่น ซึมเศร้า วิตกกังวล ทุกปัญหามีความสำคัญและจำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ MENTALMATE พร้อมเป็นผู้รับฟังเรื่องราวและให้คำปรึกษาด้านสุขภาพจิต โดยผู้เชี่ยวชาญทั้งนักจิตวิทยาคลินิกและนักจิตวิทยาการปรึกษาค่ะ
อ้างอิง
- จริยา ทะรักษา. (2558). เด็กพิเศษ. [ออนไลน์] สืบค้นเมื่อ 30 มิถุนายน 2567 จาก https://ejournals.swu.ac.th
- วสันต์ วรรณรัตน์. (2565). 6 วิธีดูแลเด็กที่มีความต้องการพิเศษเบื้องต้น. [ออนไลน์] สืบค้นเมื่อ 3 กรกฎาคม 2567 จาก https://www.starfishlabz.com
- ทวีศักดิ์ สิริรัตน์เรขา. (2560) เด็กพิเศษ Special Child. [ออนไลน์] สืบค้นเมื่อ 3 กรกฎาคม 2567 จาก https://th.rajanukul.go.th
บทความโดย

นภวรรณ ศิระโรจนกุล (วรรณ)
นักจิตวิทยา
ภาพโดย
พัทธดนย์ เจริญผล
Web Master & Co-Founder