
“มากกว่าการมีความสุข คือ การมีความเจริญงอกงามทางจิตใจ”
ก่อนอื่นเราอยากชวนผู้อ่านทำความเข้าใจร่วมกันก่อนว่า คำว่า “Flourishing” ในภาษาไทยอาจแปลได้หลายความหมาย เช่น ความเจริญงอกงาม ความเจริญรุ่งเรือง หรือความเฟื่องฟู เป็นต้น อย่างไรก็ตามในบทความนี้ผู้เขียนจะใช้คำแปลภาษาไทย ตามงานของคุณปิยะทิพย์ ประดุจพรม (2563) ซึ่งแปลไว้ว่า “ความเจริญงอกงาม”

ความเจริญงอกงามในความหมายของจิตวิทยาเชิงบวก คืออะไร ?
นักวิชาการหลายท่านได้ให้ความหมายไว้ว่า “ความเจริญงอกงาม” เป็นความสุขระดับสูงสุดของบุคคล โดยการศึกษาของ Seligman (2011) ได้เสนอว่า ความเจริญงอกงามเช่นนี้มักเกิดขึ้นจากปัจจัยภายในตนเองเป็นหลัก เป็นการค้นพบความสมบูรณ์หรือความพึงพอใจในชีวิต การบรรลุกิจกรรมหรืองานที่มีความหมาย และการมีความสัมพันธ์ในระดับที่ลึกซึ้งกับผู้อื่น ซึ่งความเจริญงอกงามนี้ไม่ใช่ลักษณะนิสัยหรือบุคลิกภาพของบุคคล แต่เป็นกระบวนการที่ต้องใช้ความพยายามอยู่เสมอเพื่อให้เกิดความเจริญงอกงามในชีวิต

องค์ประกอบและการวัดความเจริญงอกงาม มีอะไรบ้าง ?
จากการศึกษาที่ผ่านมาพบว่า ความเจริญงอกงามมีองค์ประกอบ 3 ประการ ได้แก่ 1) ความเป็นอยู่ที่ดี 2) ความสุข และ 3) ความพึงพอใจในชีวิต อย่างไรก็ตามจากการศึกษาของ Vander Weele ในปี 2017 ได้มีการเสนอให้พิจารณาองค์ประกอบอื่น ๆ เพิ่มเติมเกี่ยวกับด้านคุณธรรมและสุขภาพของบุคคล รวมทั้งเสถียรภาพทางการเงินและจิตวิญญาณทางศาสนาด้วย Vander Weele จึงได้นำเสนอการวัดความเจริญงอกงามไว้ทั้งหมด 6 ด้าน ดังนี้
- ความสุขและความพึงพอใจในชีวิต (Happiness and Life Satisfaction) เป็นการประเมินระดับความสุขและความพึงพอใจที่เกิดจากการมีชีวิตที่มีความหมาย คำนึงถึงอารมณ์โดยรวมและความรู้สึกเกี่ยวกับการมีชีวิตที่ดีในทุกมิติ
- สุขภาพจิตและสุขภาพทางกาย (Mental and Physical Health) กล่าวคือ การมีสุขภาพจิตและสุขภาพทางกายที่ดีถือเป็นพื้นฐานสำคัญของความเจริญงอกงามในชีวิต ซึ่งจะช่วยให้บุคคลสามารถทำกิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิตได้ และช่วยให้สามารถจัดการกับความเครียดและอุปสรรคต่าง ๆ ในชีวิตได้ดีขึ้นด้วย
- ความหมายและเป้าหมายของชีวิต (Meaning and Purpose) กล่าวคือ ความหมายและเป้าหมายของชีวิตเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างความพึงพอใจในชีวิต เนื่องจากบุคคลที่มีเป้าหมายมักจะมีแรงจูงใจในการทำสิ่งต่าง ๆ และมีความมุ่งมั่นที่จะบรรลุเป้าหมายที่เติมเต็มชีวิตของตนได้
- ลักษณะนิสัยและคุณสมบัติทางจิตใจ (Character and Virtue) กล่าวคือ ลักษณะนิสัยและคุณสมบัติทางจิตใจ เช่น ความซื่อสัตย์ ความเห็นใจ ความอดทน ความเสียสละ และความสามารถในการปรับตัว เป็นลักษณะนิสัยที่ส่งผลต่อความสัมพันธ์และการพัฒนาชีวิต ดังนั้นหากบุคคลมีลักษณะนิสัยและคุณสมบัติทางจิตใจที่ดี ก็จะช่วยให้ใช้ชีวิตได้อย่างมีคุณค่าและช่วยพัฒนาความสัมพันธ์กับผู้อื่นได้อีกด้วย
- ความผูกพันทางสังคม (Close Social Relationships) กล่าวคือ ความสัมพันธ์ที่ดีทั้งกับครอบครัว เพื่อน และสังคม มักจะส่งผลต่อความสุขและความพึงพอใจในชีวิต ซึ่งจะช่วยให้บุคคลสามารถเผชิญกับอุปสรรคในชีวิตได้ง่ายขึ้นและทำให้ชีวิตมีความหมายมากขึ้น
- ความมั่นคงทางการเงินและทรัพย์สิน (Financial and Material Stability) กล่าวคือ ความมั่นคงทางการเงินและทรัพย์สินเป็นปัจจัยหนึ่งที่ช่วยให้บุคคลสามารถจัดการกับชีวิตในด้านต่าง ๆ ได้ดีขึ้น แม้ว่าเงินอาจจะไม่ได้ทำให้ชีวิตมีความหมายได้ในตัวเอง แต่ความมั่นคงทางการเงินก็อาจจะช่วยให้บุคคลเกิดความสบายใจในการดำเนินชีวิตได้มากขึ้น รวมทั้งสามารถนำเงินไปใช้เพื่อลงทุนให้กับความพึงพอใจในด้านอื่น ๆ ได้อีกด้วย

วิธีที่ช่วยส่งเสริมความเจริญงอกงามของมนุษย์ มีอะไรบ้าง ?
จากการทบทวนการศึกษาและงานวิจัยในช่วงที่ผ่านมา พบว่า วิธีที่ช่วยส่งเสริมความเจริญงอกงามของมนุษย์ไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว แต่ก็มีการนำเสนอผ่านการศึกษาไว้มากมาย โดย Seligman ได้เสนอว่า PERMA Model เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้บุคคลเกิดความเจริญงอกงาม ได้แก่ อารมณ์เชิงบวก การมีส่วนร่วมหรือความผูกพันในการทำกิจกรรมต่าง ๆ ความสัมพันธ์ที่ดี การรู้สึกว่าชีวิตมีความหมาย และความรู้สึกประสบความสำเร็จจากการทำสิ่งต่าง ๆ ได้ตามเป้าหมาย (นำเสนอไว้ในบทความเรื่อง : “จิตวิทยาเชิงบวก คืออะไร?”)
อีกทั้งยังมีเคล็ดลับการส่งเสริมความเจริญงอกงาม จากบทความของ Courtney E. Ackerman (2018) ไว้ 5 ประการ ดังนี้
1. การฝึกความสามารถในการควบคุมและปรับเปลี่ยนความสนใจ
หลายครั้งบุคคลมักให้ความสนใจหรือจดจ่ออยู่ที่ความเศร้า ความวิตกกังวล หรือความโกรธแค้น จนอาจจะจมดิ่งไปกับอารมณ์ด้านนี้ ดังนั้นการฝึกปรับเปลี่ยนความสนใจ โดยมุ่งไปที่การพัฒนาตนเอง ทั้งในด้านความคิดสร้างสรรค์ การค้นหาความรู้ และการแสดงความเห็นอกเห็นใจ ก็จะช่วยให้ความคิดและอารมณ์ของตนเองค่อย ๆ เกิดความเจริญงอกงามขึ้
2. การฝึกจัดการเวลาเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย
บางครั้งเราอาจจะเคยพูดว่า “ไม่มีเวลาเลย” ซึ่งอาจหมายความว่าเรากำลังมีข้อจำกัดด้านเวลา หรือมีเวลาไม่เพียงพอต่อการทำงานหรือกิจกรรมที่จะตอบสนองความพึงพอใจส่วนตน ดังนั้นการฝึกใช้เวลาอย่างชาญฉลาด หรือหลีกเลี่ยงการใช้เวลาไปกับการทำกิจกรรมที่ไม่นำไปสู่ความพึงพอใจหรือบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ ก็อาจจะช่วยให้บุคคลมีเวลาสำหรับทำกิจกรรมที่จะช่วยส่งเสริมความเจริญงอกงามของชีวิตมากขึ้นได้
3. การฝึกฝนและพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง
การพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องอาจเป็นการฝึกที่ต้องอาศัยแรงฮึดอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งแน่นอนว่าก่อนจะเริ่มพัฒนาตนเองนั้น บุคคลจะต้องรู้ก่อนว่า “กำลังให้ความสำคัญหรือคุณค่ากับอะไรมากที่สุด แล้วจะทำอย่างไรเพื่อรักษาคุณค่านั้นไว้” แล้วหลังจากนั้นจึงค่อย ๆ สำรวจจุดแข็งและข้อจำกัดภายในของตนเอง รวมทั้งปัจจัยภายนอกอื่น ๆ ที่มีอิทธิพลต่อชีวิตของตน แล้วจึงค้นหาแนวทางต่าง ๆ ซึ่งอาจจะเป็นความรู้หรือทักษะที่จำเป็นต่อการไปถึงเป้าหมายนั้น ๆ ของชีวิต ที่จะช่วยให้รู้สึกมีคุณค่าและมีชีวิตที่มีความหมายได้
4. การฝึกความสามารถในการสื่อสารและรับฟังผู้อื่น
การฝึกความสามารถในการสื่อสารและรับฟังผู้อื่น เป็นทักษะที่สำคัญในการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในทุกด้านของชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน การเรียน ครอบครัว หรือความสัมพันธ์ส่วนตัว ซึ่งจะช่วยให้เข้าใจผู้อื่นมากขึ้น อีกทั้งยังเป็นวิธีหนึ่งที่จะช่วยให้บุคคลได้พัฒนาตนเอง ผ่านการรับฟังความคิดเห็นจากผู้อื่นที่บุคคลสามารถนำมาใช้เพื่อพัฒนาด้านต่าง ๆ ของชีวิตให้ดียิ่งขึ้นได้
5. การฝึกสะสมประสบการณ์เชิงบวก
การสะสมประสบการณ์เชิงบวกเป็นความมุ่งมั่นที่จะเชื่อมโยงกับสิ่งดี ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิต เป็นการวางแผนและตั้งเป้าหมายสำหรับการทำกิจกรรมที่สนุกสนาน มีคุณค่า และเติมเต็มชีวิต ตัวอย่างเช่น การฝึกให้เวลากับความสนุกสนานมากขึ้น เช่น ทำกิจกรรมที่ผ่อนคลายในวันหยุด ออกไปทานมื้อค่ำดี ๆ สักมื้อ ซึ่งสิ่งนี้สามารถทำร่วมกับการพัฒนาความสัมพันธ์กับผู้อื่นได้อีกด้วย
หลังจากอ่านบทความนี้จบ เราอยากเชิญชวนให้ผู้อ่านเลือกวิธีการส่งเสริมความเจริญงอกงามที่เหมาะสมกับตนเอง ประมาณ 1-3 วิธี เพื่อเริ่มฝึกฝนและส่งเสริมให้ชีวิตของเราเกิดความเจริญงอกงามทั้งทางจิตใจและร่างกาย ซึ่งจะนำไปสู่การลดปัญหาาด้านสุขภาพจิตต่าง ๆ และช่วยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นด้วย
อ้างอิง
บทความโดย
ชลธิชา หาญอารีย์ (นุ่น)
นักจิตวิทยา
ภาพโดย
พัทธดนย์ เจริญผล
Web Master & Co-Founder