สวัสดีค่ะ ในสังคมปัจจุบันเราจะพบพาดหัวข่าว ‘ชายคลั่งยาบ้า’ ที่หลาย ๆ คนอาจยังไม่เคยรู้มาก่อนว่าจริง ๆ การใช้สารเสพติดมีและไม่มีความเกี่ยวข้องกับโรคทางจิตเวชด้วย หรืออาจเคยมีความคิดว่าคนที่ใช้สารเสพติด คือ คนไม่ดี ยุ่งเกี่ยวกับอบายมุก วันนี้จะขอพามาทำความเข้าใจเรื่องโรคจิตเวชที่เกิดจากการใช้สารเสพติด (Substances induced psychosis) กันค่ะ
เนื่องจากภาวะเสพติดนั้น เราพบว่ามีสมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับการยับยั้งชั่งใจ การให้รางวัล ด้านอารมณ์และด้านความจำมีส่วนเกี่ยวข้องกับภาวะเสพติด การเสพติดจึงจัดเป็นภาวะที่เกี่ยวข้องกับกลไกการทำงานของสมองที่หลากหลาย โดยสารเสพติดบางชนิดมีฤทธิ์ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงการทำงานและโครงสร้างของสมองระยะยาวได้เลยค่ะ
ข้อมูลจากการสำรวจระบาดวิทยาสุขภาพจิตระดับชาติ ในปี 2556 คนไทยอายุ 18 ปีขึ้นไป พบอัตราการเกิดของโรคจิตเวชจากการใช้สุรา/สารเสพติดสูงถึงร้อยละ 30.8 หรือประมาณ 15.9 ล้านคน ในวันนี้จะพูดถึงภาวะผิดปกติที่เกิดจากการดื่มสุราและสารเสพติดโดยเฉพาะยาบ้าค่ะ
ภาวะผิดปกติที่เกิดจากการดื่มสุราหรือการใช้สารเสพติด
1.ภาวะผิดปกติทางจิตที่เกิดจากการดื่มสุรา
ภาวะผิดปกติทางจิตที่เกิดจากการดื่มสุรา คือ ผู้ป่วยจะมีอาการโรคจิต เช่น ประสาทหลอนหรือหลงผิด โดยอาการประสาทหลอนพบได้บ่อยกว่า เช่น หูแว่วและเห็นภาพหลอน อาการเริ่มเกิดในช่วง 1 เดือน ของการดื่มหรือการหยุดดื่ม แต่อาการอาจคงอยู่นานได้หลายสัปดาห์ถึงหลายเดือนหลังหยุดดื่มแล้ว แต่ไม่ควรเกิน 6 เดือน มักพบในผู้ที่มีประวัติดื่มอย่างหนัก และไม่มีประวัติการเจ็บป่วยด้วยโรคจิตจากสาเหตุใดๆ มาก่อน และไม่ได้เกิดเฉพาะในช่วงที่มีภาวะ Delirium การดูแลรักษาใช้หลักการเดียวกับการถอนพิษ และอาจให้ยาต้านโรคจิตร่วมด้วย
2.ภาวะผิดปกติทางจิตที่เกิดจากการใช้ยาบ้า ยาม้า ยาขยัน
ภาวะผิดปกติทางจิตที่เกิดจากการใช้ยาบ้า ยาม้า ยาขยัน คือ ผู้ป่วยจะมีอาการหูแว่ว หรืออาการหลงผิดในขณะที่เสพ มีความคิดหลงผิดว่ามีคนปองร้าย (Persecutory delusion) อาการโรคจิตจากยาบ้ามักเกิดในช่วงเริ่มแรกของการใช้ จะมีอาการคล้ายโรคจิตเภทชนิดหวาดระแวง (Schizophrenia, paranoid type) แต่ความแตกต่าง คือ อาการทางจิตที่เกิดจากสารจะปรากฏอยู่เพียง 2-3 วัน (บทความโรคจิตเภท) และตรวจพบสารในปัสสาวะ (urine amphetamine positive)
นอกจากนี้ยาเสพติดยังทำให้สารเคมีในสมองเกิดการเปลี่ยนแปลง ถูกกระตุ้นซ้ำ ๆ เป็นเวลานานจึงส่งผลให้ผู้เสพยาเสพติดนั้นมักมีโรคทางจิตเวชร่วมด้วย โดยส่วนใหญ่จะเป็นโรคซึมเศร้า (Depression), โรควิตกกังวล (Anxiety), โรคไบโพลาร์ (Bipolar Disorder) และอาจเป็นโรคจิตเภท (Schizophrenia)
การรักษาผู้ป่วยยาเสพติดที่มีโรคแทรกซ้อนทางจิตเวช
เมื่อสาเหตุเกิดจากยาเสพติด การรักษาจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องเริ่มรักษาจากต้นเหตุด้วยการบำบัดยาเสพติด เพราะการทานยาด้านจิตเวชต้องงดสารเสพติดรวมถึงสิ่งมึนเมาทุกชนิด หากผู้ป่วยติดสารเสพติดยังไม่ได้รับการบำบัดให้เลิกการใช้สารได้อย่างเด็ดขาด และเข้ารักษาเฉพาะอาการทางจิตเวช การทานยาอาจกระทบกับสารเสพติดเดิมที่มีและส่งผลให้อาการของผู้ป่วยแย่ลงได้
วิธีการป้องกันโรคจิตเวชที่เกิดจากการใช้สารเสพติด
วิธีการป้องกันโรคจิตเวชที่เกิดจากการใช้สารเสพติดได้ดีที่สุด คือ การไม่ริเริ่มใช้สารเสพติดตั้งแต่แรก หรือมีอาการเสพติดแล้วนั้น วิธีที่จะบรรเทาการเกิดโรคได้คือการหยุดเสพอย่างเด็ดขาดผ่านการปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญเพื่อป้องกันการเกิดโรคแทรกซ้อนทางกายอื่น ๆ รวมถึงการดื่มแอลกอฮอล์หากดื่มในปริมาณที่เหมาะสมก็มีผลดี อย่างช่วยป้องกันโรคสมองเสื่อมได้ เป็นต้น
อ้างอิง
- American Psychiatric Association. (2013). Diagnostic and statistical manual of mental disorders (5th ed.)
- กรมสุขภาพจิต. (2563). แนวทางการติดตามดูแลต่อเนื่องผู้ป่วยจิตเวชสุรา/ยา/ สารเสพติด [ออนไลน์] สืบค้นเมื่อ 5 สิงหาคม 2567 จาก http://www.pmnidat.go.th/
- พันธุ์นภา กิตติรัตนไพบูลย์ และอื่นๆ. (2556). รายงานการศึกษาเรื่อง ความชุกของโรคจิตเวชและปัญหาสุขภาพจิต: การสำรวจระบาดวิทยาสุขภาพจิตของคนไทยระดับชาติ ปี พ.ศ. 2556. [ออนไลน์] สืบค้นเมื่อ 6 สิงหาคม 2567 จาก https://www.dmh-elibrary.org
บทความโดย
นภวรรณ ศิระโรจนกุล (วรรณ)
นักจิตวิทยา
ภาพโดย
พัทธดนย์ เจริญผล
Web Master & Co-Founder