[314] รักในวัยเรียน ความสัมพันธ์แบบไหนดี และแบบไหนที่ควรเลี่ยง (1200 x 768 px)

     เจอกันบ่อยๆก็หวั่นไหว อยู่ใกล้บ่อยๆก็ใจสั่น เป็นตัวของตัวเองอยู่ดีๆพอเธอเดินผ่านมามือไม้อ่อนไปหมด พูดไม่เป็นประโยคหรือแทบไม่เป็นคำ อยากไปโรงเรียนเพราะมีใครบางคนที่ต้องเจอให้ได้ แต่กลับกันพอใครคนนั้นไม่มาวันเดียวเปล่าเปลี่ยวหัวใจ คิดไม่ตก นอนไม่หลับเฝ้านึกและเก็บไปฝันว่าเธอจะเป็นอย่างไร 

     สวัสดีครับเพื่อนๆทุกคน หวังว่าใครก็ตามที่อ่านอยู่อาจจะเคยเห็นโมเมนต์แบบนี้ หรืออาจจะเกิดขึ้นกับตัวเองมาแล้วก็เป็นได้ ต้องยอมรับเลยครับว่ารักในวัยเรียนคือหนึ่งในประสบการณ์ที่ต้องมีผ่านมากันมาบ้างไม่ว่าจะยากหรือน้อย แต่ผมเชื่อว่าสำหรับหลายคนๆ การเริ่มต้นที่จะรักใคร หรือการเริ่มต้นจะมีความสัมพันธ์กับใคร ก็มักจะเกิดขึ้นในช่วง”รักในวัยเรียน”ใช่ไหมล่ะครับ (ซึ่งผมก็เป็นหนึ่งในนั้นนะ 555) โดยก่อนที่จะพูดถึงรักในวัยเรียนแบบไหนดีหรือไม่ดี เราจะมาเริ่มที่รักวัยเรียนคืออะไร แล้วมันต่างจากรักวัยอื่นยังไง มาดูกันเลย

รักในวัยเรียน เริ่มจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน

“รักในวัยเรียน” เริ่มจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน

     พูดถึงวิทยาศาสตร์กับความรักแล้ว เพราะอะไรการมีความรักในวัยเรียนถึงเกิดขึ้นได้ อย่างแรกเลยคือ “ฮอร์โมนทางเพศ” ที่มีการเจริญเติบโตขึ้นและส่งผลให้เราทุกคนสนใจเพศตรงข้ามมากขึ้นนั่นเองครับ ถ้าพูดถึงความเชื่อมโยงของฮอร์โมนต่างๆจะเห็นได้ดังนี้เลยครับ

  • ความรู้สึกผูกพัน: ฮอร์โมนบางชนิด เช่น ออกซิโทซิน (Oxytocin) ทำให้เรารู้สึกผูกพันกับผู้อื่นมากขึ้น ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้วัยรุ่นรู้สึกผูกพันกับคนที่ตนเองชอบ
  • ความรู้สึกตื่นเต้น: ฮอร์โมนอะดรีนาลีน (Adrenaline) ทำให้เรารู้สึกตื่นเต้นและเร้าใจ เมื่ออยู่ใกล้คนที่เราชอบ
  • ความรู้สึกหึงหวง: ฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน (Testosterone) และเอสโตรเจน (Estrogen) ทำให้เรารู้สึกหึงหวงเมื่อเห็นคนที่เราชอบไปมีปฏิสัมพันธ์คบกับคนอื่น

     โอเคพอจะเข้าใจเบื้องต้นกันแล้วใช่ไหมครับว่าองค์ประกอบของรักในวัยเรียนเบื้องต้นมีอะไรบ้างเราจะเข้ามาสู่เนื้อหาสำคัญของหัวข้อวันนี้กันเลย

ความสัมพันธ์ที่ดีของรักในวัยเรียน

ความสัมพันธ์ที่ดีของรักในวัยเรียน

“ความสัมพันธ์ที่ดีย่อมส่งเสริมกันและกันไปในทิศทางที่ดี”

ประโยคนี้ไม่เกินจริงเลยครับเพื่อนๆ สังเกตได้จากหลายคู่ที่คบกันมาตั้งแต่ มัธยมจนแต่งงานเลยจะพบว่า คู่รักเหล่านี้มีองค์ประกอบของความสัมพันธ์ที่เต็มไปด้วย

 

  1. การให้เกียรติซึ่งกันและกัน เพราะการไม่ด้อยค่าคนที่ตัวเองรัก ไม่มองว่าเป็นของเล่น ไม่เห็นเป็นของตาย จะนำไปสู่การเอาใจใส่ซึ่งกันและกัน
  2. การเข้าอกเข้าใจซึ่งกันและกัน สังเกตไหมครับว่าบางคู่ดูไลฟ์สไตล์ชีวิตไม่เหมือนกัน บางคนชอบเล่นกีฬา แต่อีกคนชอบนั่งดูเฉยๆ เพียงแต่ว่ากลับอยู่ด้วยกันได้ซะงั้น เพราะว่าคู่รักที่มีการเข้าอกเข้าใจกันว่า ใครชอบอะไร ไม่ชอบอะไร เมื่อเกิดการเรียนรู้ ถึงเราจะไม่ชอบก็ไม่ควรไปบังคับใครให้ไม่ชอบหรือชอบอะไรตาม จะส่งผลให้ชีวิตรักไปด้วยกันยืนยาวและมีคนคอยสนับสนุนเราอย่างเข้าอกเข้าใจครับเพื่อนๆ
  3. การสนับสนุนซึ่งกันและกันไปในทิศทางที่ดี เช่น มีแฟนแล้วพากันไปออกกำลังกายทุกวันก็ย่อมดีใช่ไหมล่ะครับ ร่างกายแข็งแรง กิจกรรมไม่น่าเบื่อเพราะมีคนที่เรารักอยู่ด้วยข้างๆ หรือพากันไปติวหนังสือ ช่วยสอนวิชาที่ตัวเองถนัดให้กันและกัน นอกจากจะได้ใช้เวลาร่วมกันแล้วยังได้ความรู้เพิ่มเติมอีกนะ
  4. ความซื่อสัตย์ ตอนใกล้กันมั่นใจ แต่ห่างกันไปกับคิดไม่ตกเพราะไม่รู้ว่าคนที่เรารักจะทำอะไรและไปกับใคร จะดีกว่าไหมถ้าทำให้มั่นใจว่ามีความซื่อสัตย์ต่อกันและเราจะไม่ต้องคิดมาก
  5. การเติบโตไปด้วยกัน ความสัมพันธ์ที่ดีควรส่งเสริมให้ทั้งคู่เติบโตไปในทางที่ดีขึ้น ทั้งในด้านบุคลิกภาพ ความคิด และทัศนคติ พากันสวยหล่อขึ้นตามกาลเวลา มีความคิดที่เป็นเหตุผล มีทัศนคติที่ดีต่อตัวเองและคนที่เรารัก

 

นอกจากนี้ ความสัมพันธ์ที่ดีในวัยเรียนยังควรมีลักษณะดังต่อไปนี้:

  • ไม่กดดัน: ความสัมพันธ์ไม่ควรทำให้รู้สึกอึดอัดหรือกดดัน
  • ไม่ควบคุม: ทั้งสองฝ่ายควรมีอิสระในการตัดสินใจและทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ
  • ไม่ทำร้ายร่างกายหรือจิตใจ: ความรุนแรงในทุกรูปแบบไม่ควรมีอยู่ในความสัมพันธ์
  • ไม่ละเลยหน้าที่อื่นๆ: ความรักไม่ควรทำให้ละเลยการเรียน การดูแลครอบครัว หรือกิจกรรมอื่นๆ ที่สำคัญ

     เป็นยังไงบ้างครับกับความรักความสัมพันธ์ที่ดีในวัยเรียน หวังว่าจะได้ข้อมูลเพื่อเป็นข้อสังเกตกันนะครับว่าความรักความสัมพันธ์ที่ดีควรประกอบไปด้วยอะไรบ้าง แต่ยังไม่หมดนะครับ มีด้านดีของความสัมพันธ์ ก็ยังมีด้านไม่ดีให้หลีกเลี่ยงด้วยนะครับ จะมีอะไรบ้างไปดูกันเลย

ความสัมพันธ์ที่ควรเลี่ยงของรักในวัยเรียน

ความสัมพันธ์ที่ควรเลี่ยงของรักในวัยเรียน

  1. ความสัมพันธ์ที่ควบคุม:
          เคยไหมครับที่การจะได้ความรักแต่ละทีต้องมีเงื่อนไขที่มากมาย เช่นจะรักกันต้องเลิกเล่นเกม หากจะรักกันต้องเลิกคบกับเพื่อนคนนี้ จะรักกันทั้งทีการพูดการแสดงออกแบบนี้ต้องหมดไป ต้องแต่งตัวใหม่ไม่เอาสไตล์เดิม หากจะรักกันต้องนอนพร้อมกันเท่านั้นไม่งั้นโกรธ และสารพัดเงื่อนไขที่ดูเป็นข้อตกลงที่เหมือนถูกควบคุมมากจนเกินไป ซึ่งในกรณีที่อะไรที่ยอมได้ ผมก็พอเข้าใจได้ไม่มีปัญหาสำหรับประเด็นนี้เพราะผมเชื่อว่าทุกความสัมพันธ์ก็มีเงื่อนไขของแต่ละคู่อยู่แล้ว แต่ในกรณีที่ควบคุม “มากจนเกินไป” ส่งผลให้เราต้องทำอะไรที่สูญเสียสิ่งสำคัญของตัวเอง ยกตัวอย่างเช่น เราเป็นนักกีฬาถ้าหากจะคบกับแฟนต้องใช้เวลากับแฟนมากขึ้นจนแทบไม่ได้ซ้อม หรือไม่ได้แตะกีฬามันก็จะดูแปลกๆใช่ไหมล่ะครับ หรือแม้กระทั่งถ้าจะคบกันทั้งที ต้องถึงขั้นต้องทิ้งงานอดิเรกหรือความชอบบางอย่างที่อยู่กับเรามานานแสนนาน ดังนั้นจะดีกว่าไหมครับถ้าจะรักกันทั้งที ขอให้เราหรือเขา “คิดในสิ่งที่อยากคิด ทำในสิ่งที่อยากทำ” การบอกความต้องการให้กันและกันเพื่อทำให้เกิดการพัฒนาตนเองและผลลัพธ์ที่ดีต่อความสัมพันธ์ย่อมเป็นสิ่งที่ดีและผมเห็นด้วยในการกระทำเหล่านี้ครับ แต่การแสดงออกความต้องการด้วย”การบังคับ”และไม่แม้แต่จะสนใจเลยว่าคนที่เรารักต้องการหรือไม่นั้น ผมมองว่าไม่สมควรที่จะเกิดขึ้นกับใครและคู่รักคู่ไหนทั้งนั้นครับผม
  2. ความสัมพันธ์ที่ทำร้ายร่างกายหรือจิตใจ:
         การถูกทำร้ายร่างกาย การถูกด่าว่า หรือการถูกข่มขู่ อย่างที่บอกไปข้างต้นเลยครับเพื่อนๆ “ความสัมพันธ์ที่ดีย่อมส่งเสริมกันและกันไปในทิศทางที่ดี” ถ้าสังเกตได้ว่ารักเขามากเกินไปหรือเขารักเรามากเกินไป จนทำอะไรก็ได้ พูดอะไรแบบไม่คำนึงถึงความรู้สึกกันยังไงก็ได้ แบบนี้สามารถเรียกว่าความสัมพันธ์ที่ “Toxic” นะครับ
    หากใครยังนึกภาพไม่ออก เกิดความงุนงงสงสัยว่าแล้วไอ้แบบไหนล่ะถึงเรียกว่า”ความสัมพันธ์ที่ Toxic” สามารถอ่านได้ในบทความ รู้จัก Toxic relationship ของเราได้นะครับ ส่วนใครอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ทั้งเป็นผู้กระทำหรือถูกกระทำ ให้รีบปรับปรุงตัวหรือถอยออกมาได้แล้วนะครับ ยิ่งอยู่จะยิ่งแย่เอานะเป็นห่วง
  3. ความสัมพันธ์ที่ทำให้รู้สึกไม่มั่นใจในตัวเอง:
          ยิ่งอยู่ด้วยยิ่งรู้สึกว่าตัวเองไม่มีค่า ทำอะไรก็ผิดไปหมด ไม่มีคนคอยปกป้องหรือเคียงข้าง ชีวิตเหมือนเต็มไปด้วยความผิดพลาดจนไม่อยากทำอะไร ถ้าสังเกตว่าเพื่อนๆเริ่มเสีย Self-esteem ไปเรื่อยๆแบบนี้อาจจะเกิดโรคทางจิตเวชได้เลยนะครับ บางทีเราไม่ได้ผิดอะไร เพียงแต่ความสำพันธ์นี้เราอยู่กับการ “แม้ว่าเราไม่ผิดแต่ก็เป็นคนผิดจนชิน” ส่งผลให้เราค่อยสูญเสียตัวตนและความมั่นใจไปครับ เลี่ยงได้เลี่ยงนะครับอยู่นานไปแบบนี้ไม่ดีแน่
  4. ความสัมพันธ์ที่ทำให้ละเลยสิ่งสำคัญ:
         สังเกตไหมครับว่าถ้าหลังๆนี้ไม่ว่าจะตัวเราหรือคนที่เรารักไม่ได้มีเวลาไปทำอย่างอื่นเลยเนื่องจากมีการ”พึ่งพิง” กันมากเกินไป ถ้ายังไม่เห็นภาพผมจะยกตัวอย่างให้ดูนะครับ เช่น ปกติเรามีตี้ประจำในการตีป้อม ซึ่งเป็นความสุขของเราในชีวิตประจำวัน แต่พอมีแฟนกิจกรรมเหล่านี้แทบไม่มีเลย แฟนก็ไม่เล่นด้วย ซ้ำร้ายยังไม่ให้เราเล่นกับเพื่อนอีก บ่อยครั้งเราจะมีเวลาส่วนตัวทำนั่นนี่ แต่พอมีแฟนกลับไม่มีเวลาเป็นของตัวเองเพราะต้องเอาไปให้แฟนทั้งหมดอย่างไม่เต็มใจ หรือแม้กระทั่งเวลาให้คนที่สำคัญไม่แพ้กันเช่นเพื่อนสนิทหรือคนในครอบครัว ถ้าเป็นความสัมพันธ์ที่ดีจะไม่จำเป็น”ต้องเลือกไปกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง” ระหว่างแฟนหรือคนสำคัญ เพราะจะเกิดการเข้าใจ แบ่งเวลาได้อย่างเต็มใจและเข้าอกเข้าใจซึ่งกันและกันครับ
  5. ความสัมพันธ์ที่ไม่เปิดใจ:
         อีกหนึ่งประเด็นสำคัญของความรักที่ล่มสลายลงก็คือการ “ไม่เปิดใจคุยกัน” พอไม่มีความเข้าใจที่ตรงกันสุดท้ายก็ต้องเลิกราเพราะต่างคนต่างเข้าใจในแบบที่ตัวเองต้องการ แต่ใดๆไม่มีใครถูกใครผิดนะครับ ทุกคนมีมุมมองที่แตกต่างกันได้ แต่จะทำยังไงให้เข้าใจมุมมองของแต่ละคนน่ะสิ สิ่งนี้ก็ต้องลงเอยด้วยการคุยกันอย่างจริงใจใช่ไหมล่ะครับ
  6. ความสัมพันธ์ที่ทำให้รู้สึกอึดอัดหรือไม่เป็นตัวของตัวเอง:
         สังเกตไหมว่าบ่อยครั้งจะคิดอะไร จะพูดอะไร หรือจะทำอะไร เราไม่กล้าแสดงออกในแบบของเราอย่างตรงไปตรงมา เนื่องจาก”กังวลว่าแฟนจะไม่โอเค” มากจนเกิน ส่งผลให้เรามีชุดความคิด “แค่เธอสุขใจเราก็โอเค” ดังนั้นเราจึงยอมไม่เป็นตัวของตัวเองขึ้นเรื่อยๆ เพื่อให้คนข้างกายเรามีความสุข แต่นั่นเป็นวิธีแก้ปัญหาที่ร้ายแรงมาก เนื่องจากอีกฝ่ายจะเข้าใจไปเองอัตโนมัติว่า “ปกติเราก็เป็นแบบนี้” ทั้งๆที่ความจริงคือ “เราไม่เป็นแบบนี้โดยปกติ” แต่เพราะยอมทำทุกอย่างเพื่อเธอ ส่งผลให้ความทุกข์ใจค่อยๆกัดกินและสูญเสียความเป็นตัวของตัวเองในที่สุด จำไว้นะครับ จะรักใครชอบใคร ให้รักที่เราเป็นตัวของเรา และเขาเป็นตัวของเขานะครับ ฝากไว้ให้คิด

 

เหตุผลที่ควรหลีกเลี่ยงความสัมพันธ์ที่ไม่ดี

เหตุผลที่ควรหลีกเลี่ยงความสัมพันธ์ที่ไม่ดี

  1. ส่งผลเสียต่อสุขภาพจิต:
         ความสัมพันธ์ที่ไม่ดีสามารถทำให้เกิดความเครียด กังวล และซึมเศร้า สูญเสัยความมั่นใจ ไม่กล้าเปิดใจให้กับคนใหม่ๆที่เข้ามาในชีวิตเพราะเข็ดหลาบกับความสัมพันธ์เก่า
  2. ส่งผลกระทบต่อการเรียน:
         เรื่องเรียนว่าเครียดแล้ว ใช้ชีวิตว่าเหนื่อยแล้ว ถ้ายังมีเรื่องความรักให้เรามาคิดไม่ตกอีก อย่าว่าแต่ไม่เป็นอันกินอันนอนเลยครับ ระดับที่มีสมาธิไปเรียนนี่จะไปเหลืออะไร จริงไหมครับ ถ้ารักแล้วทุกข์ขนาดนี้ กระทบหลายอย่างที่เราต้องให้ความสำคัญขนาดนี้ก็ควรพิจารณาแล้วใช่ไหมล่ะครับ
  3. ส่งผลต่อความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง:
         เลือกแฟนมากกว่าเพื่อน มากกว่าครอบครัว สารพัดปัญหาที่ทำให้เราห่างเหินกับคนสนิทโดยไม่จำเป็น มากไปกว่านั้นถ้าแฟนไม่ให้ไปยุ่งเกี่ยวกับเพื่อนก็ยังมีโอกาสผิดใจ หรือตัดเพื่อนกันได้เลย ทั้งที่บางทีเราก็ไม่ได้เกี่ยวอะไร อย่างที่บอกไว้ข้างต้นเลยนะครับว่า “รักที่ดีจะไม่ทำให้เราต้องเลือกเสียอะไรสักอย่างเลย”
  4. ส่งผลต่ออนาคต:
         “เลือกผิดชีวิตเปลี่ยน” ต้องยอมรับเลยนะครับว่าความรักสามารถเป็นแรงกระตุ้น แรงผลักดันให้เราทำได้หลายๆสิ่งหลายๆอย่าง ทั้งในทิศทางที่ดีและไม่ดี หลายครั้งถ้าเราไม่ใช้สติคิดและปล่อยให้ฮอร์โมนและอารมณ์ในร่างกายอยู่เหนือกว่าความคิด เราก็จะมีโอกาสที่จะสุ่มเสี่ยงต่อการเกิดวิกฤติในรักวัยเรียน จากการกระทำที่ยั้งคิดได้เช่น การท้องในวัยเรียน การใช้สารเสพติด พฤติกรรมมั่วสุมเที่ยวเตร่ การไม่สนใจเรื่องการเรียนเพียงเพราะว่าแค่มีความรักและเธอก็พอแล้ว ไม่ต้องการอะไรแล้ว จนส่งผลให้เราเสียอนาคตไปเพียงเพราะชุดความคิดและอารมณ์ชั่ววูบ ซึ่งผมฝากผู้อ่านพิจารณาและหวังว่าจะไม่เกิดขึ้นกับใครที่อ่านอยู่นะครับ

 

     หากคุณกำลังอยู่ในความสัมพันธ์ที่ไม่ดี อย่ากลัวที่จะขอความช่วยเหลือจากคนที่คุณไว้ใจ เช่น ครอบครัว เพื่อน หรือครู อาจจะลองพูดคุยกับอีกฝ่ายดูว่ามีวิธีแก้ไขปัญหาหรือไม่ แต่ถ้าสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น คุณอาจต้องตัดสินใจที่จะยุติความสัมพันธ์นี้ ความรักที่ดีควรทำให้คุณรู้สึกดีกับตัวเอง ไม่ใช่ทำให้คุณรู้สึกแย่หรือเจ็บปวด จำไว้ว่าคุณคู่ควรกับสิ่งที่ดีที่สุดเสมอ เป็นกำลังใจให้ทุกคนที่มีความรักครับผม หวังว่าบทความนี้จะช่วยได้ไม่มากก็น้อย สวัสดีครับ

บทความโดย

ประวัติผู้เขียน

ภาพโดย

แชร์บทความ

ระบบชำระเงินรองรับ PromptPay, บัตรเครดิต และช่องทางอื่นๆ

X

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรังปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

Save