
“Go with the Flow”
แล้ว Flow (ความลื่นไหล) ที่ว่ามันคืออะไรกันนะ ?
วันนี้ Mentalmate อยากชวนผู้อ่านมาทำความรู้จักกับ Flow ในทางจิตวิทยาว่าคืออะไร และมีความสำคัญต่อสุขภาพใจของมนุษย์อย่างไรบ้าง
แนวคิดเกี่ยวกับ Flow (ความลื่นไหล)
การศึกษาเกี่ยวกับ Flow (ความลื่นไหล) ในเชิงจิตวิทยาเริ่มต้นขึ้นเมื่อ Csikszentmihalyi ได้ใช้จิตวิทยาเพื่อหาคำตอบเกี่ยวกับความสุข โดยเขาพบว่า “ความสุขไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ใช่ผลของความบังเอิญหรือโชคชะตา ไม่ได้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ภายนอก แต่ขึ้นอยู่ว่าเราให้ความหมายต่อเหตุการณ์เหล่านั้นอย่างไร” Csikzenmihalyi ได้พยายามศึกษาและทำความเข้าใจถึงความรู้สึกของบุคคลเมื่อได้เพลิดเพลินอย่างถึงที่สุด ในการศึกษาครั้งแรกเขาได้ศึกษาในกลุ่มศิลปิน นักกีฬา นักดนตรี นักเล่นหมากรุก และศัลยแพทย์ จากผลการศึกษาครั้งนั้นเองจึงได้เริ่มต้นพัฒนาแนวคิดที่เรียกว่า “Flow” ซึ่งเป็นสภาวะที่นำไปสู่การเกิดแรงจูงใจในการทำกิจกรรมหรืองานต่าง ๆ อย่างแท้จริง เป็นกิจกรรมที่ถูกออกแบบโดยมีการเรียนรู้ทักษะ มีเป้าหมาย มีผลตอบรับ และทำให้การควบคุมเป็นไปได้จนเกิดเป็นสมาธิ เช่น การแต่งเพลง การปีนเขา การเต้นรำ การล่องเรือ การเล่นหมากรุก เป็นต้น
Flow (ความลื่นไหล) คืออะไร ?
Flow หมายถึง สภาวะที่บุคคลมีส่วนร่วมอย่างลึกซึ้งในการทำกิจกรรมหรืองานบางอย่างจนลืมทุกสิ่งทุกอย่างที่ไม่เกี่ยวข้องไป และเป็นประสบการณ์เชิงบวกที่บุคคลมักรู้สึกเพลิดเพลินมากจนอยากกลับไปทำสิ่งนั้นอีกครั้ง
โดย Flow มีส่วนสำคัญอยู่ 2 ประการ ได้แก่ ความท้าทาย และ ทักษะ กล่าวคือ เมื่อบุคคลสามารถสร้างความสมดุลระหว่างทักษะของตนเองกับความท้าทายเกี่ยวกับความยากง่ายของกิจกรรมหรือสิ่งที่กำลังทำอยู่ ก็จะทำให้เกิดความลื่นไหล ซึ่งอยู่ตรงกลางระหว่างความวิตกกังวลและความเบื่อหน่าย ทำให้ไม่รู้สึกวิตกกังวลกับกิจกรรมที่ยากกว่าทักษะของตนเอง หรือจะไม่เบื่อหน่ายกับกิจกรรมที่ง่ายเกินไป (ตามภาพประกอบด้านล่าง)

โมเดลของความลื่นไหล พัฒนาจาก The original model of the flow state (Csikszentmihalyi, 1975, 2000)
องค์ประกอบของ Flow
จากการศึกษาของ Csikszentmihalyi ในช่วงที่ผ่านมาได้อธิบายว่า องค์ประกอบของ Flow มีทั้งหมด 9 องค์ประกอบ แบ่งออกเป็น 3 องค์ประกอบที่นำไปสู่การเกิดความลื่นไหล และ 6 องค์ประกอบที่เป็นคุณลักษณะของความลื่นไหล โดยมีรายละเอียด ดังนี้

องค์ประกอบที่นำไปสู่การเกิดความลื่นไหล มี 3 ประการ ดังนี้
- ความสมดุลระหว่างทักษะของตนเองกับความท้าทายเกี่ยวกับความยากง่ายของงาน (challenge-skill balance) เป็นการรับรู้และประเมินความสามารถหรือทักษะของตนเองกับความยากง่ายของกิจกรรมในขณะที่กำลังทำกิจกรรมนั้น โดยความยากง่ายของกิจกรรมจะต้องเป็นความท้าทายในระดับที่เหมาะสมกับทักษะของตนเอง ซึ่งส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นระหว่างการทำกิจกรรมที่มีเป้าหมายแน่นอน แล้วหากบุคคลรับรู้ว่าทักษะของตนเองว่าอยู่ในระดับที่เหมาะสมกับความท้าทายของกิจกรรมก็จะทำให้ Flow หรือเกิดความลื่นไหลได้
- เป้าหมายที่ชัดเจน (clear goals) เป็นการรับรู้วัตถุประสงค์และเข้าใจเกี่ยวกับรายละเอียดที่จะนำไปสู่ผลลัพธ์ของกิจกรรมหรือสิ่งที่ทำอยู่อย่างชัดเจน เพราะหากบุคคลมีเป้าหมายที่ชัดเจนก็จะช่วยให้สามารถทำกิจกรรมได้อย่างเต็มที่ และสามารถประเมินทักษะของตนเองกับความท้าทายหรือความยากง่ายของกิจกรรมได้แน่นอนขึ้น ซึ่งนำไปสู่การเกิดความลื่นไหลหรือรู้สึก Flow ในระหว่างทำกิจกรรมนั้น
- การสะท้อนที่ชัดเจน (unambiguous feedback) เป็นการรับรู้ทักษะของตนเองอย่างชัดเจนว่าทำได้ดีเพียงใดในขณะทำกิจกรรม โดยมีความสัมพันธ์โดยตรงกับการมีเป้าหมายที่ชัดเจน

คุณลักษณะที่เกิดขึ้นเมื่อบุคคลได้รับประสบการณ์ความลื่นไหล มี 6 คุณลักษณะ ดังนี้
- การจดจ่อกับกิจกรรมได้อย่างต่อเนื่อง (concentration on the task at hand) เป็นการมีสมาธิจดจ่ออยู่กับทำกิจกรรมหรือสิ่งที่ทำอยู่อย่างเต็มที่ รับรู้เฉพาะสิ่งที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมในขณะนั้นเท่านั้น จนไม่มีพื้นที่ของความคิดหรือความสนใจให้กับสิ่งอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องเลย
- ความรู้สึกของการควบคุม (sense of control) เป็นการทำกิจกรรมด้วยความรู้สึกว่าเราสามารถทำทุกสิ่งได้ตามที่ต้องการ โดยไม่รู้สึกถึงความกังวลใจ
- การสูญเสียการรับรู้ (loss of self-consciousness) เป็นความหลงใหลไปกับกิจกรรมหรือสิ่งที่ทำอยู่หรืออาจเรียกได้ว่า บุคคลจะหมกมุ่นอยู่กับกิจกรรมจนไม่สนใจสิ่งอื่นที่เกิดขึ้นเลย
- การกลมกลืนของการกระทำกับการรับรู้ (action-awareness merging) เมื่อบุคคลต้องใช้ทักษะที่ตนเองมีในการบรรลุความท้าทายของกิจกรรม จึงทำให้ความสนใจทั้งหมดของเขาจดจ่ออยู่กับกิจกรรมที่กำลังทำเท่านั้น โดยจะไม่ว่อกแว่กหรือคิดถึงเรื่องอื่นเลย
- การเปลี่ยนแปลงของเวลา (transformation of time) เป็นการรับรู้เวลาในขณะทำกิจกรรมที่ผิดเพี้ยนไปจากเวลาที่เกิดขึ้นจริง โดยอาจจะคิดว่าเวลาผ่านไปเร็วกว่าปกติหรือช้ากว่าปกติก็ได้
- ประสบการณ์ที่มีความหมายในตัวเอง (autotelic experience) หมายถึงกิจกรรมที่ทำนั้นมีเป้าหมายในตัวเอง ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับความคาดหวังถึงผลประโยชน์ในอนาคต ส่งผลให้บุคคลอยากทำกิจกรรมเพราะกิจกรรมนั้นให้ความสนุกสนานด้วยตัวของมันเอง

Flow มีประโยชน์อะไรบ้าง ?
ในบทความของ Kendra Cherry (2023) นำเสนอประโยชน์ของ Flow ไว้ 4 ประการ ดังนี้
- การกำกับอารมณ์ (Emotional Regulation) กล่าวคือ เมื่อบุคคลมีประสบการณ์ที่ทำให้รู้สึก Flow มากขึ้น ก็จะนำไปสู่การเรียนรู้วิธีการจัดการอารมณ์ที่มีความหลากหลายและซับซ้อนมากขึ้น
- การเติมเต็มและความสุข (Fulfillment and Happiness) กล่าวคือ บุคคลที่อยู่ในสภาวะลื่นไหลหรือรู้สึก Flow ก็มักจะเพลิดเพลินไปกับกิจกรรมหรือสิ่งที่กำลังทำอยู่ด้วยความสนุกสนานและตื่นเต้น ทำให้บุคคลเหล่านั้นมีแนวโน้มที่จะรู้สึกถึงความคุ้มค่าและได้รับการเติมเต็มชีวิต อีกทั้งในงานวิจัยต่าง ๆ ยังพบว่า Flow เกี่ยวข้องกับการเพิ่มระดับความสุข ความพึงพอใจ และการบรรลุความสมบูรณ์ของชีวิต (self-actualization) อีกด้วย
- การมีส่วนร่วมและการมีประสิทธิภาพในด้านต่าง ๆ (Engagement and Performance) กล่าวคือ บุคคลที่กำลัง Flow หรืออยู่ในสภาวะลื่นไหล มักรู้สึกมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่กับสิ่งที่กำลังทำอยู่ โดยจากงานวิจัยที่ผ่านมาก็พบว่า Flow สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในด้านต่าง ๆ ได้ เช่น การสอน การเรียนรู้ การเล่นกีฬา หรือการมีความคิดสร้างสรรค์ เป็นต้น
- การเรียนรู้ การพัฒนาทักษะต่าง ๆ และความคิดสร้างสรรค์ (Learning, Skill Development, and Creativity) กล่าวคือ เมื่อบุคคลได้รับประสบการณ์ที่ทำให้รู้สึก Flow หมายความว่า บุคคลนั้นมีความเชี่ยวชาญและมีทักษะที่เพียงพอต่อการทำกิจกรรมหรืองานนั้น ๆ ดังนั้นจึงต้องค้นหาความท้าทายและพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้รู้สึก Flow ในการทำกิจกรรมต่าง ๆ อยู่ จึงนำไปสู่การเรียนรู้และพัฒนาทักษะต่าง ๆ ของตนเองอย่างสม่ำเสมอ
นอกจากนี้การศึกษาในช่วงที่ผ่านมายังพบว่า ความลื่นไหลหรือ Flow มักเป็นสภาวะที่เกิดขึ้นได้ในชีวิตประจำวัน โดยบุคคลสามารถพบประสบการณ์เช่นนี้ได้ในทุก ๆ วัน จึงมีการนำแนวคิดเกี่ยวกับ Flow ไปประยุกต์ใช้ในด้านต่าง ๆ เช่น การคิดเชิงสร้างสรรค์ (Creative Pursuits) การศึกษา (Education) การกีฬา (Sports) สถานที่ทำงาน (Workplace) เป็นต้น
จากที่กล่าวมาทั้งหมดเราจะเห็นว่า Flow เป็นอีกหนึ่งตัวแปรทางจิตวิทยาเชิงบวกที่มีประโยชน์อย่างยิ่งต่อสุขภาพใจของเรา ซึ่งเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าบทความนี้จะช่วยให้ผู้อ่านรู้จักความหมาย องค์ประกอบ และประโยชน์ของ Flow มากขึ้น โดยอาจนำไปสู่การสัมผัสถึงประสบการณ์ของความลื่นไหลหรือรู้สึก Flow มากขึ้นในขณะทำกิจกรรมหนึ่งอยู่ ซึ่งจะช่วยให้รู้สึกเพลิดเพลินและมีความสุขในช่วงเวลานั้น
อ้างอิง
บทความโดย
ชลธิชา หาญอารีย์ (นุ่น)
นักจิตวิทยา
ภาพโดย
พัทธดนย์ เจริญผล
Web Master & Co-Founder