“Go with the Flow” แล้ว Flow (ความลื่นไหล) ที่ว่ามันคืออะไรกันนะ (1200 x 768 px)

“Go with the Flow”
แล้ว Flow (ความลื่นไหล) ที่ว่ามันคืออะไรกันนะ ?

วันนี้ Mentalmate อยากชวนผู้อ่านมาทำความรู้จักกับ Flow ในทางจิตวิทยาว่าคืออะไร และมีความสำคัญต่อสุขภาพใจของมนุษย์อย่างไรบ้าง

รูปของ Mihaly Csikszentmihalyi

ภาพถ่ายจาก : https://www.psychologicalscience.org/publications/observer/25at25/mihaly-csikszentmihalyi.html

แนวคิดเกี่ยวกับ Flow (ความลื่นไหล)

     การศึกษาเกี่ยวกับ Flow (ความลื่นไหล) ในเชิงจิตวิทยาเริ่มต้นขึ้นเมื่อ Csikszentmihalyi ได้ใช้จิตวิทยาเพื่อหาคำตอบเกี่ยวกับความสุข โดยเขาพบว่า ความสุขไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ใช่ผลของความบังเอิญหรือโชคชะตา ไม่ได้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ภายนอก แต่ขึ้นอยู่ว่าเราให้ความหมายต่อเหตุการณ์เหล่านั้นอย่างไร Csikzenmihalyi ได้พยายามศึกษาและทำความเข้าใจถึงความรู้สึกของบุคคลเมื่อได้เพลิดเพลินอย่างถึงที่สุด ในการศึกษาครั้งแรกเขาได้ศึกษาในกลุ่มศิลปิน นักกีฬา นักดนตรี นักเล่นหมากรุก และศัลยแพทย์ จากผลการศึกษาครั้งนั้นเองจึงได้เริ่มต้นพัฒนาแนวคิดที่เรียกว่า “Flow” ซึ่งเป็นสภาวะที่นำไปสู่การเกิดแรงจูงใจในการทำกิจกรรมหรืองานต่าง ๆ อย่างแท้จริง เป็นกิจกรรมที่ถูกออกแบบโดยมีการเรียนรู้ทักษะ มีเป้าหมาย มีผลตอบรับ และทำให้การควบคุมเป็นไปได้จนเกิดเป็นสมาธิ เช่น การแต่งเพลง การปีนเขา การเต้นรำ การล่องเรือ การเล่นหมากรุก เป็นต้น

 

Flow (ความลื่นไหล) คืออะไร ?

     Flow หมายถึง สภาวะที่บุคคลมีส่วนร่วมอย่างลึกซึ้งในการทำกิจกรรมหรืองานบางอย่างจนลืมทุกสิ่งทุกอย่างที่ไม่เกี่ยวข้องไป และเป็นประสบการณ์เชิงบวกที่บุคคลมักรู้สึกเพลิดเพลินมากจนอยากกลับไปทำสิ่งนั้นอีกครั้ง

     โดย Flow มีส่วนสำคัญอยู่ 2 ประการ ได้แก่ ความท้าทาย และ ทักษะ กล่าวคือ เมื่อบุคคลสามารถสร้างความสมดุลระหว่างทักษะของตนเองกับความท้าทายเกี่ยวกับความยากง่ายของกิจกรรมหรือสิ่งที่กำลังทำอยู่ ก็จะทำให้เกิดความลื่นไหล ซึ่งอยู่ตรงกลางระหว่างความวิตกกังวลและความเบื่อหน่าย ทำให้ไม่รู้สึกวิตกกังวลกับกิจกรรมที่ยากกว่าทักษะของตนเอง หรือจะไม่เบื่อหน่ายกับกิจกรรมที่ง่ายเกินไป (ตามภาพประกอบด้านล่าง)

รูปแสดง The Flow State

โมเดลของความลื่นไหล พัฒนาจาก The original model of the flow state (Csikszentmihalyi, 1975, 2000)

องค์ประกอบของ Flow

     จากการศึกษาของ Csikszentmihalyi ในช่วงที่ผ่านมาได้อธิบายว่า องค์ประกอบของ Flow มีทั้งหมด 9 องค์ประกอบ แบ่งออกเป็น 3 องค์ประกอบที่นำไปสู่การเกิดความลื่นไหล และ 6 องค์ประกอบที่เป็นคุณลักษณะของความลื่นไหล โดยมีรายละเอียด ดังนี้

องค์ประกอบที่นำไปสู่การเกิดความลื่นไหล

องค์ประกอบที่นำไปสู่การเกิดความลื่นไหล มี 3 ประการ ดังนี้

  1. ความสมดุลระหว่างทักษะของตนเองกับความท้าทายเกี่ยวกับความยากง่ายของงาน (challenge-skill balance) เป็นการรับรู้และประเมินความสามารถหรือทักษะของตนเองกับความยากง่ายของกิจกรรมในขณะที่กำลังทำกิจกรรมนั้น โดยความยากง่ายของกิจกรรมจะต้องเป็นความท้าทายในระดับที่เหมาะสมกับทักษะของตนเอง ซึ่งส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นระหว่างการทำกิจกรรมที่มีเป้าหมายแน่นอน แล้วหากบุคคลรับรู้ว่าทักษะของตนเองว่าอยู่ในระดับที่เหมาะสมกับความท้าทายของกิจกรรมก็จะทำให้ Flow หรือเกิดความลื่นไหลได้
  2. เป้าหมายที่ชัดเจน (clear goals) เป็นการรับรู้วัตถุประสงค์และเข้าใจเกี่ยวกับรายละเอียดที่จะนำไปสู่ผลลัพธ์ของกิจกรรมหรือสิ่งที่ทำอยู่อย่างชัดเจน เพราะหากบุคคลมีเป้าหมายที่ชัดเจนก็จะช่วยให้สามารถทำกิจกรรมได้อย่างเต็มที่ และสามารถประเมินทักษะของตนเองกับความท้าทายหรือความยากง่ายของกิจกรรมได้แน่นอนขึ้น ซึ่งนำไปสู่การเกิดความลื่นไหลหรือรู้สึก Flow ในระหว่างทำกิจกรรมนั้น
  3. การสะท้อนที่ชัดเจน (unambiguous feedback) เป็นการรับรู้ทักษะของตนเองอย่างชัดเจนว่าทำได้ดีเพียงใดในขณะทำกิจกรรม โดยมีความสัมพันธ์โดยตรงกับการมีเป้าหมายที่ชัดเจน

 

คุณลักษณะที่เกิดขึ้นเมื่อบุคคลได้รับประสบการณ์ความลื่นไหล

คุณลักษณะที่เกิดขึ้นเมื่อบุคคลได้รับประสบการณ์ความลื่นไหล มี 6 คุณลักษณะ ดังนี้

  1. การจดจ่อกับกิจกรรมได้อย่างต่อเนื่อง (concentration on the task at hand) เป็นการมีสมาธิจดจ่ออยู่กับทำกิจกรรมหรือสิ่งที่ทำอยู่อย่างเต็มที่ รับรู้เฉพาะสิ่งที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมในขณะนั้นเท่านั้น จนไม่มีพื้นที่ของความคิดหรือความสนใจให้กับสิ่งอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องเลย
  2. ความรู้สึกของการควบคุม (sense of control) เป็นการทำกิจกรรมด้วยความรู้สึกว่าเราสามารถทำทุกสิ่งได้ตามที่ต้องการ โดยไม่รู้สึกถึงความกังวลใจ
  3. การสูญเสียการรับรู้ (loss of self-consciousness) เป็นความหลงใหลไปกับกิจกรรมหรือสิ่งที่ทำอยู่หรืออาจเรียกได้ว่า บุคคลจะหมกมุ่นอยู่กับกิจกรรมจนไม่สนใจสิ่งอื่นที่เกิดขึ้นเลย
  4. การกลมกลืนของการกระทำกับการรับรู้ (action-awareness merging) เมื่อบุคคลต้องใช้ทักษะที่ตนเองมีในการบรรลุความท้าทายของกิจกรรม จึงทำให้ความสนใจทั้งหมดของเขาจดจ่ออยู่กับกิจกรรมที่กำลังทำเท่านั้น โดยจะไม่ว่อกแว่กหรือคิดถึงเรื่องอื่นเลย
  5. การเปลี่ยนแปลงของเวลา (transformation of time) เป็นการรับรู้เวลาในขณะทำกิจกรรมที่ผิดเพี้ยนไปจากเวลาที่เกิดขึ้นจริง โดยอาจจะคิดว่าเวลาผ่านไปเร็วกว่าปกติหรือช้ากว่าปกติก็ได้
  6. ประสบการณ์ที่มีความหมายในตัวเอง (autotelic experience) หมายถึงกิจกรรมที่ทำนั้นมีเป้าหมายในตัวเอง ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับความคาดหวังถึงผลประโยชน์ในอนาคต ส่งผลให้บุคคลอยากทำกิจกรรมเพราะกิจกรรมนั้นให้ความสนุกสนานด้วยตัวของมันเอง



Flow(ความลื่นไหล) มีประโยชน์อะไรบ้าง

Flow มีประโยชน์อะไรบ้าง ?

ในบทความของ Kendra Cherry (2023) นำเสนอประโยชน์ของ Flow ไว้ 4 ประการ ดังนี้

  1. การกำกับอารมณ์ (Emotional Regulation) กล่าวคือ เมื่อบุคคลมีประสบการณ์ที่ทำให้รู้สึก Flow มากขึ้น ก็จะนำไปสู่การเรียนรู้วิธีการจัดการอารมณ์ที่มีความหลากหลายและซับซ้อนมากขึ้น
  2. การเติมเต็มและความสุข (Fulfillment and Happiness) กล่าวคือ บุคคลที่อยู่ในสภาวะลื่นไหลหรือรู้สึก Flow ก็มักจะเพลิดเพลินไปกับกิจกรรมหรือสิ่งที่กำลังทำอยู่ด้วยความสนุกสนานและตื่นเต้น ทำให้บุคคลเหล่านั้นมีแนวโน้มที่จะรู้สึกถึงความคุ้มค่าและได้รับการเติมเต็มชีวิต อีกทั้งในงานวิจัยต่าง ๆ ยังพบว่า Flow เกี่ยวข้องกับการเพิ่มระดับความสุข ความพึงพอใจ และการบรรลุความสมบูรณ์ของชีวิต (self-actualization) อีกด้วย
  3. การมีส่วนร่วมและการมีประสิทธิภาพในด้านต่าง ๆ (Engagement and Performance) กล่าวคือ บุคคลที่กำลัง Flow หรืออยู่ในสภาวะลื่นไหล มักรู้สึกมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่กับสิ่งที่กำลังทำอยู่ โดยจากงานวิจัยที่ผ่านมาก็พบว่า Flow สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในด้านต่าง ๆ ได้ เช่น การสอน การเรียนรู้ การเล่นกีฬา หรือการมีความคิดสร้างสรรค์ เป็นต้น
  4. การเรียนรู้ การพัฒนาทักษะต่าง ๆ และความคิดสร้างสรรค์ (Learning, Skill Development, and Creativity) กล่าวคือ เมื่อบุคคลได้รับประสบการณ์ที่ทำให้รู้สึก Flow หมายความว่า บุคคลนั้นมีความเชี่ยวชาญและมีทักษะที่เพียงพอต่อการทำกิจกรรมหรืองานนั้น ๆ ดังนั้นจึงต้องค้นหาความท้าทายและพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้รู้สึก Flow ในการทำกิจกรรมต่าง ๆ อยู่ จึงนำไปสู่การเรียนรู้และพัฒนาทักษะต่าง ๆ ของตนเองอย่างสม่ำเสมอ

 

     นอกจากนี้การศึกษาในช่วงที่ผ่านมายังพบว่า ความลื่นไหลหรือ Flow มักเป็นสภาวะที่เกิดขึ้นได้ในชีวิตประจำวัน โดยบุคคลสามารถพบประสบการณ์เช่นนี้ได้ในทุก ๆ วัน จึงมีการนำแนวคิดเกี่ยวกับ Flow ไปประยุกต์ใช้ในด้านต่าง ๆ เช่น การคิดเชิงสร้างสรรค์ (Creative Pursuits) การศึกษา (Education) การกีฬา (Sports) สถานที่ทำงาน (Workplace) เป็นต้น

     จากที่กล่าวมาทั้งหมดเราจะเห็นว่า Flow เป็นอีกหนึ่งตัวแปรทางจิตวิทยาเชิงบวกที่มีประโยชน์อย่างยิ่งต่อสุขภาพใจของเรา ซึ่งเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าบทความนี้จะช่วยให้ผู้อ่านรู้จักความหมาย องค์ประกอบ และประโยชน์ของ Flow มากขึ้น โดยอาจนำไปสู่การสัมผัสถึงประสบการณ์ของความลื่นไหลหรือรู้สึก Flow มากขึ้นในขณะทำกิจกรรมหนึ่งอยู่ ซึ่งจะช่วยให้รู้สึกเพลิดเพลินและมีความสุขในช่วงเวลานั้น

 

อ้างอิง

บทความโดย

ประวัติผู้เขียน

ภาพโดย

แชร์บทความ

ระบบชำระเงินรองรับ PromptPay, บัตรเครดิต และช่องทางอื่นๆ

X

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรังปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

Save