รู้จัก Toxic Relationship คืออะไร? คุณอยู่ในความสัมพันธ์นี้หรือเปล่า?

     หมดเดือนแห่งความรักไปแล้วใช่ว่าเราจะหมดรัก แน่นอนว่าทุกคนย่อมมีชีวิตเป็นของตัวเอง แต่เคยไหมที่เวลามีชีวิตแต่เหมือนไม่ได้ใช้ชีวิตเป็นของตัวเอง เนื่องจากได้รับอิทธิพลมาจากใครบางคนที่เราคุ้นเคยและใกล้ชิดกับเรามากที่สุดนั่นก็คือคนรักของเรานั่นเอง ได้สังเกตตัวเองกันหรือเปล่า ในขณะที่ใช้ชีวิตกับบุคคลดังกล่าวก็จะส่งผลให้ความสุขของเราส่วนใหญ่มักจะไปขึ้นอยู่กับคนที่เรารักและห่วงใยจนมากเกินไป ทำให้ไม่ว่าจะทำอะไรหรือจะนึกอะไรคนรักต้องมาก่อนจนลืมนึกถึงตัวเองว่า เครียด, เศร้า, เหงา, กดดัน, ขาดความมั่นใจในตัวเอง, เหนื่อยล้า และไม่มีความสุข หากคุณอ่านมาถึงตรงนี้แล้วนั่นแสดงว่าคุณเข้าข่ายของความสัมพันธ์ที่เป็นพิษอยู่ครับ

คู่รักกำลังเครียดในปัญหาความสัมพันธ์ที่เป็นพิษ - [123] What is toxic relationship - 1

ภาพถ่ายโดย Antoni Shkraba Pexels: https://www.pexels.com/photo/a-couple-frowning-while-sitting-at-a-couch-7579107/

Toxic relationship คืออะไร?

     มาถึงตรงนี้แล้ว Toxic relationship ในเชิงจิตวิทยา คือความสัมพันธ์ที่เป็นพิษ แน่นอนว่าพิษนั้นย่อมส่งผลเสียต่อมนุษย์อย่างเราแน่นอน แต่พิษไม่ได้มีแค่ผลต่อร่างกายอย่างเดียวนี่สิ พิษในใจที่ก่อให้เกิดความทุกข์ของเราก็มีเหมือนกัน โดย Toxic relationship นั้นส่วนมากจะเกิดกับคนที่เรารัก แต่คนที่เรารักไม่ได้หมายถึงแฟนเสมอไปนะ เราสามารถรักเพื่อน, ครอบครัว, พี่น้อง หรือคนร่วมงาน ในรูปแบบของมิตรภาพได้ หากเราสังเกตดีๆจะเห็นได้ว่า ไม่ว่ารูปแบบของความสัมพันธ์จะเกิดขึ้นกับใครก็ตาม กรณีที่มีการ บังคับ, ควบคุม และจำกัดอิสระภาพ ก็ถือว่าเข้าข่าย Toxic relationship ครับ

ผู้หญิงถูกขังที่กำลังมองออกไปข้างนอก - [123] What is toxic relationship - 2

ภาพถ่ายโดย Vilma Lima Pexels: https://www.pexels.com/photo/clos-up-of-a-face-of-a-woman-behind-metal-bards-14568646/

เราจะรู้ได้ยังไงว่าแบบไหนคือ Toxic relationship?

Toxic relationship มีหลายลักษณะ สามารถจำแนกได้ดังนี้

1. Toxic ทางกายและใจ

     ดังที่กล่าวข้างต้นคือทุกคนมีชีวิตเป็นของตัวเองแต่ไม่ได้ใช้ชีวิตเป็นของตัวเองเลย เนื่องจากมีพฤติกรรมหรือความคิดบางอย่างที่แสดงออกจากคนรัก ส่งผลให้เราถูกบั่นทอนทางด้านร่างกายและจิตใจจากการบีบบังคับ ข่มขู่ ดูถูก ทำให้จำยอมในสิ่งที่บุคคลเหล่านั้นต้องการด้วยการใช้กำลัง เช่น
– ถ้าไม่พอใจก็จะตบตี
– ตะโกนด่าทอเพื่อให้เชื่อฟัง
– แสดงออกพฤติกรรมที่รุนแรง เป็นต้น

2. Toxic ทางอิสระภาพ

     นอกจากการใช้กำลังแล้วการถูกจำกัดทางเสรีภาพนั้นก็นับว่าเป็นความสัมพันธ์ที่เป็นพิษอีกรูปแบบหนึ่ง สามารถยกตัวอย่างได้ว่า เราจะไปไหน ทำอะไร ได้อย่างอิสระเสรีนั้นกลับทำไม่ได้และยังถูกจำกัดการใช้ชีวิต เช่น
– อายุ 28 ยังถูกโทรตามให้กลับบ้านก่อน 2 ทุ่ม
– ถ้าอยู่ในกลุ่มเพื่อนกลุ่มนี้ห้ามโต้เถียงผู้นำกลุ่มและต้องคล้อยตามเชื่อฟังหัวหน้ากลุ่มเท่านั้น
– ถูกห้ามไม่ให้มีความรักถ้ายังเรียนไม่จบ
– บุคคลดังกล่าวไม่ชอบการปีนเขาจึงเหมารวมไม่ให้ไปปีนเขาเด็ดขาด เพราะเจ้าตัวไม่ชอบทั้งๆที่เป็นกิจกรรมโปรดของเรา เป็นต้น

3. Toxic ทางความใส่ใจ

     จากการ Toxic ทางร่างกายและจิตใจและการจำกัดอิสระภาพที่เป็นพิษต่อเรานั้น จะสังเกตได้ว่าบุคคลดังกล่าวแทบจะไม่ให้ความสนใจ ใส่ใจตัวเรา มักจะเอาชุดความคิด พฤติกรรม อารมณ์ของตนเองเป็นใหญ่ เช่น ไม่ว่าเราจะเศร้าหรือเสียใจแค่ไหน บุคคลดังกล่าวจะเมินเฉยไม่คำนึงถึงตัวเราที่กำลังเผชิญสถาการณ์ดังกล่าวอยู่
      ในทางกลับกัน หากเราไม่สนใจหรือใส่ใจต่ออารมณ์ ความคิด ความรู้สึกของบุคคลดังกล่าว กลับกลายเป็นว่าเราเป็นผู้ร้าย คนอำมหิต แล้งน้ำใจเนื่องจากไม่ทำพฤติกรรมหรือเชื่อไปในทิศทางเดียวกันกับบุคคลที่ก่อให้สภาพร่างกายและจิตใจเราเหนื่อยล้า อ่อนแอ ทั้งๆที่เราเหนื่อยและฝืนที่จะทำสิ่งต่างๆที่กล่าวมา และเราต้องจำยอมและให้ความสำคัญบุคคลดังกล่าวมากกว่าตัวเองในที่สุด จึงเกิดเหตุการณ์เหล่านี้วนไปเวียนมา สุดท้ายมารู้ตัวอีกทีสภาพร่างกายและจิตใจของเราก็บอบช้ำและเหนื่อยเกินจะรับไหวแล้ว

4. Toxic ทางการพึ่งพาอาศัย

     หลายครั้งคราวนั้นเราทราบกันดีว่ากว่าจะเก็บได้แต่ละบาท หาเงินได้แต่ละสตางค์นั้นเต็มไปด้วยความทุกข์ยากแค่ไหนกว่าเราจะอดออมเงินเข้ามาในกระเป๋าเราได้ เหนื่อยเพียงใดกว่าจะใช้ชีวิตประวันให้ผ่านไปได้แต่ละวัน ต้องประคับประคองสภาพจิตใจที่ถูกส่งมาจากร่างกายที่เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า การเผชิญหน้าในสนามอารมณ์อันดุเดือดที่เรียกว่าที่ทำงาน แค่สิ่งที่ตัวเองเผชิญมาก็ว่ายากแล้วในทุกๆวัน
     อย่างไรก็ตามมักจะมีความสัมพันธ์ที่เรานั้นจำยอมต้องเสียบางทั้งๆที่เราก็เหนื่อยมามากพอแล้ว เช่น เพื่อนมักจะเข้าหาเพราะเงินในกระเป๋าของเราเมื่อเงินมีเพื่อนมา แต่ยามเมื่อเราเงินไม่มาเพื่อนก็มักไม่มีอยู่ในชีวิต อาจจะเข้ามาในรูปแบบของการหยิบยืม หรือขอให้เลี้ยงข้าวเลี้ยงน้ำบ้าง ที่ชัดเจนคือพอเป็นเรื่องอื่นที่ไม่เกี่ยวกับการเงินก็จะไม่สนใจเราในทันที
     มีในอีกกรณีก็คือ เพียงแค่ผ่านไปในแต่ละวันเราเองยังต้องประคับประคองจิตใจตัวเองให้ผ่านแต่ละวันที่เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า ดังนั้นความสัมพันธ์ที่ดีควรเป็นความสัมพันธ์ที่ส่งเสริม สนับสนุนซึ่งกันและกัน ไม่ว่าจะเป็นทางร่างกาย อารมณ์และความคิด ในทางกลับกัน สิ่งที่ Toxic คือ ถึงเราจะเหนื่อยแค่ไหน ไม่ไหวยังไง เราก็ต้องคอยดูแลเอาใจใส่ความรู้สึกของคนสนิทของเรา โดยที่เขาไม่สนใจและคิดจะสังเกตเลยว่าเราต้องเผชิญและทนทุกข์กลับอะไรอยู่บ้าง และเป็นอย่างนี้วนไปซ้ำๆจนเราเข้าใจว่านี่เป็นเรื่องปกติในความสัมพันธ์ ทั้งๆที่ไม่ปกติเลยแม้แต่น้อย

 

สาเหตุของ Toxic relationship?

     เมื่อเราทราบถึงลักษณะของความสัมพันธ์ที่เป็นพิษกันแล้ว มาพูดถึงสาเหตุของ Toxic relationship ว่ามาจากอะไรบ้าง

1. ปัญหาส่วนตัวของบุคคล ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน, พ่อแม่, พี่น้อง หรือคนรัก

     หากเราสังเกตดีๆ จะพบว่าในกรณีที่บุคคลดังกล่าวมีปัญหาจากการจัดการตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการจัดการตัวเองในการใช้ชีวิตประจำวัน การจัดการอารมณ์ตนเอง การจัดการตนเองด้านพฤติกรรม หากบุคคลดังกล่าวไม่สามารถจัดการกับตนเองในด้าน ความคิด, อารมณ์ และพฤติกรรม ด้วยตัวเองได้อย่างเหมาะสม จะส่งผลให้บุคคลดังกล่าวมีแนวโน้มที่มีการแสดงออกในด้านความคิด, อารมณ์ และพฤติกรรมต่อความสัมพันธ์เหล่านั้นในทิศทางลบกับคนใกล้ตัวได้ เช่น

– เวลาเพื่อนเครียดมักจัดการกับความเครียดไม่ได้ทำให้เกิดพฤติกรรมการแสดงออกไม่เหมาะสม ด่าทอกลุ่มเพื่อนหรือตัวเราอย่างไม่มีเหตุผล
– พ่อแม่เครียดจากการทำงานแต่มาดุด่าเราหรือคนรู้จักโดยไม่มีเหตุผล
– แฟนไม่มีเพื่อน ไม่มีสังคม กิจกรรมส่วนใหญ่จะใช้เวลากับเรา ส่งผลให้เราจะทำอะไรอย่างอื่นมากไม่ได้นอกจากใช้เวลากับแฟน และถูกผูกมัดและจำกัดการใช้ชีวิตในที่สุด เป็นต้น

2. การเลี้ยงดู ประสบการณ์ และค่านิยม

     ในกรณีที่พ่อแม่หรือญาติพี่น้องของเรา เกิดคนละยุคสมัย   ทำให้มีชุดความคิดที่ไม่เหมือนกัน อย่างไรก็ตามหากมีการทำความเข้าใจซึ่งกันและกันก็จะก่อให้เกิดการแสดงออกความคิดเห็นและแสดงออกพฤติกรรมได้อย่างตรงไปตรงมา แต่ในกรณีที่ถูกเหมารวมจากชุดความคิด ประสบการณ์ ค่านิยมนั้น จะแตกต่างออกไป และสามารถเกิดเป็นความสัมพันธ์ที่เป็นพิษได้ เช่น ต้องเป็นหมอหรือข้าราชการเท่านั้นชีวิตถึงจะดี การเล่นดนตรีเต้นกินรำกินนั้นคือการแสดงออกของคนเหลวไหล ส่งผลให้บุคคลที่รักดนตรีหลายๆคนแต่ทางบ้านมีทัศนคติแบบนี้ ก็ต้องอยู่ในความขัดแย้งนี้ไปเรื่อยๆ จะขัดขืนก็ไม่ได้เนื่องจากอาจจะถูกทำโทษโดยการตัดเงินค่าขนม กักบริเวณ หรือในกรณีของสาวๆที่มีแฟนเป็นคนที่ขี้หึงมากจนเกินไป ถึงขนาดมีชุดความคิดว่าแต่งตัววาบหวิวนิดหน่อย ก็เข้าใจไปเองว่าผู้หญิงจะไปหาชายอื่น เนื่องจากได้รับการอบรมสั่งสอนมาจากพ่อแม่ของตนเองว่าผู้หญิงที่แต่งตัววาบหวิวคือผู้หญิงไม่ดี ส่งผลให้จำกัดการแต่งตัวของคุณผู้หญิง ที่ไปทะเลก็ใส่ได้แค่เสื้อยืด Oversize และกางเกงยืน ส่งผลให้คุณผู้หญิงหลายๆคนขาดอิสระในการแต่งตัว และอาจลุกลามไปถึงการจำกัดทางความคิดต่างๆ

3. ปัญหาความสัมพันธ์ที่ไม่เท่าเทียม

     เชื่อว่าหลายๆคนนั้นมักจะพบเจอประโยคดังกล่าวว่า “ให้เงินไปตั้งเยอะก็ต้องเชื่อฟังฉันสิ”, “ถ้าแค่นี้ก็ไม่ทำให้ก็เลิกกันไปเลย”, “ฉันเป็นพี่เธอนะต้องฟังฉันสิ” โดยบุคคลที่พูดประโยคดังกล่าวนั้นมักยกประโยคในลักษณะนี้เพื่อเรียกร้องบางอย่างจากเรา ซึ่งอาจเรียกได้ว่าเป็น บุญคุณ หรือ อำนาจในความสัมพันธ์ ที่ทำให้เราต้องยอมทำตามในหลายๆสิ่งหลายๆอย่าง จากบุญคุณที่บุคคลดังกล่าวได้ทำให้เรา โดยไม่คำนึงถึงอารมณ์ ความคิด ความรู้สึกของตัวเรา และมักจะมองเราว่าที่เราต้องทำทุกอย่างที่เขาต้องการ เนื่องจากเขาทำหลายๆอย่างที่บุคคลนั้นมองว่ามีความหมายมาก และอยากได้การตอบแทน โดยสถาการณ์ดังกล่าวนั้นสามารถเกิดขึ้นได้กับหลายบุคคลมาก เช่น เพื่อน, พ่อแม่, พี่น้อง, คนรัก เป็นต้น

 

ผู้ชายที่กำลังหาสาเหตุของความสัมพันธ์ที่เป็นพิษ - [123] What is toxic relationship - 4

ภาพถ่ายโดย Antoni Shkraba from Pexels: https://www.pexels.com/photo/people-in-a-psychotherapy-session-7579310/

แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าเรากำลังอยู่ในสถานการณ์ที่เป็น Toxic relationship?

1. ตัวอยู่ใกล้ชิดแต่ความรู้สึกเป็นมิตรปลอดภัยหายไปไหน

     ดังที่กล่าวมาข้างต้นไม่ว่าความสัมพันธ์กับเพื่อน, พ่อแม่, พี่น้อง, คนรัก หากความสันพันธ์นั้นไปในทิศทางที่ดีเราก็จะรู้สึกปลอดภัย อุ่นใจเวลาได้ใช้เวลากับบุคคลเหล่านี้ เนื่องจากบุคคเหล่านี้มักจะให้กำลังใจ สนับสนุน ส่งเสริมให้เรารู้สึกดี สบายใจ

     ในทางกลับกันหากความสัมพันธ์ที่เป็น Toxic relationship นั้นส่งผลในทางตรงกันข้ามคือ เรามักจะรู้สึกหวาดกลัว, อึดอัด, ถึงไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็เหมือนว่าจะมีอะไรร้ายๆเกิดขึ้นถ้าได้ใช้เวลากับบุคคลเหล่านี้, ถูกตำหนิว่ากล่าวคุกคามข่มขู่ตลอดเวลาเมื่ออยู่กับบุคคลเหล่านี้, รู้สึกเหมือนถูกเอาเปรียบอยู่ตลอดเวลา, ไม่สามารถพูดคุยได้อย่างตรงไปตรงมาเนื่องจากหวาดกลัว, ทะเลาะกันบ่อย และมักจะนึกถึงการเลิกรา หรืออนาคตที่มีความสุขโดยไม่มีบุคคลดังกล่าว เป็นต้น

2. ขาดเขาเราอยู่ไม่ได้

     เคยสังเกตตัวเองไหมว่า ในหลายๆสถาการณ์นั้นเราจำยอมทำหลายๆสิ่งหลายๆอย่างเพื่อไม่ให้คนคนนั้นจากเราไป โดยไม่คำนึงถึงตัวเอง เพราะเราคิดว่าคนนั้นสำคัญกับเรามาก เปรียบเสมือนโลกทั้งใบ ถ้าเขาหายไปก็เหมือนกับโลกทั้งใบได้พังทลายลง ส่งผลให้เรายอมโดยเอาเปรียบ โดนดุด่า ข่มขู่ ตะโกนด่าทอด้อยค่า และทำร้ายจิตใจสารพัด เนื่องจากเรากลัวการที่สูญเสียบุคคลเหล่านั้นไป และมักมีชุดความคิดกับต้วเองเสมอว่า “ความสุขของเรามักขึ้นอยู่กับเขา” ดังนั้นจึงกลายเป็นว่าเมื่อไม่มีเขาเราจะไม่มีความสุขเป็นแน่นอน

3. ปากบอกไหวร่างกายและจิตใจบอกเหนื่อยล้า

     “ไม่เป็นไรหรอก ทำเพื่อให้เขาสบายใจ”, “ถึงเราจะไม่่โอเค แต่ถ้าเขาโอเคก็พอแล้ว” หลายครั้งหลายครามักจะมีประโยคเหล่านี้ลอยเข้ามากับความสัมพันธ์ที่ Toxic เนื่องจากความสัมพันธ์ในลักษณะนี้ไม่ส่งเสริมในด้านร่างกายและจิตใจไม่พอ ซ้ำร้ายยังส่งผลให้เรารู้สึกลำบาก จนกระทั่งฝืนตัวเองในการทำเรื่องราวต่างๆ จะบอกตรงๆก็เกรงใจ จะแสดงออกสิ่งอื่นใดว่าเราไม่ไหวก็กลัวคนใกล้ตัวจะลำบากใจ เลยเลือกเก็บไว้คนเดียวและปล่อยให้สถาการณ์ในลักษณะนี้วนไปเรื่อยๆ

     ซึ่งเราจะสังเกตทั้งตัวเราหรือเพื่อนๆได้ โดยสิ่งที่เด่นชัดคือหลังจากมีความสัมพันธ์ในลักษณะนี้ไปสักพัก จะมีการแสดงออกทางสีหน้าเศร้าหมอง, ไม่สดใสร่าเริง, พูดน้อย, มีความเหนื่อยหน่ายในการใช้ชีวิตประจำวัน และที่สำคัญบทสนทนาส่วนมากมักจะพูดถึงสิ่งที่ Toxic ที่เกิดขึ้นกับเจ้าตัวแทบจะทุกครั้งแต่ไม่เกิดการแก้ปัญหาใดๆ หรือพูดง่ายๆก็คือปล่อยให้เรื่องพวกนี้เกิดขึ้นกับตนเองทุกรอบ และไม่มีวีธีการแก้ปัญหาหรือทำอะไรแตกต่างออกไป ปล่อยให้วนเวียนในสถาการณ์เหล่านี้

 

     เมื่อเราเข้าใจถึงที่มา, สาเหตุ, ลักษณะ และความหมายของ Toxic relationship แล้วอย่าลืมหมั่นสังเกตตัวเองว่าอยู่ในสถาการณ์ดังกล่าวหรือเปล่า การรักคนอื่นนั้นเป็นเรื่องที่ดี แต่การรักคนอื่นจน ”มากเกินไป” ถึงกับต้องฝืนในสิ่งต่างๆเพื่อให้คนที่เรารัก คนที่เราหวังดีนั้นโอเค แต่กลับกลายเป็นตัวเราที่ไม่โอเค จนกลับกลายเป็นว่า”ฉันโอเค ที่ชีวิตฉันไม่โอเค” เป็นเรื่องปกติและเกิดขึ้นซ้ำๆจนมารู้ตัวอีกทั้งตัวเราหรือคนรอบข้างก็บอบช้ำไปเยอะแล้ว

     แต่ไม่ว่าจะรู้ตัวช้าหรือเร็ว ทุกความสัมพันธ์หากมีการพูดคุยกันได้อย่างตรงไปตรงมา มีความต้องการในการเข้าใจซึ่งกันและกัน ความสัมพันธ์ที่เป็นพิษก็สามารถกลับกลายเป็นความสัมพันธ์ที่แสนสุข และกลับมามั่นคงกว่าเดิม เพราะก่อนที่เราจะเข้าใจอะไรเราก็มักจะเริ่มจากอะไรที่เราไม่เข้าใจ ขอเป็นกำลังใจให้กับทุกๆความสัมพันธ์นะครับ ^^

บทความโดย

ประวัติผู้เขียน

ภาพโดย

แชร์บทความ

ระบบชำระเงินรองรับ PromptPay, บัตรเครดิต และช่องทางอื่นๆ

X

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรังปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

Save