![1200x628 [111] สัญญาณที่ไม่ควรมองข้าม การเข้าใจปัญหาสุขภาพจิตในครอบครัว (1200 x 628 px)](https://mentalmateservice.com/wp-content/uploads/2024/03/1200x628-111-สัญญาณที่ไม่ควรมองข้าม-การเข้าใจปัญหาสุขภาพจิตในครอบครัว-1200-x-628-px-1024x536.webp)
สุขภาพกายและสุขภาพใจเป็นส่วนขับเคลื่อนชีวิตที่มีความสำคัญไม่แพ้กัน ร่างกายที่ดีแข็งแรงช่วยพาให้ตัวเรามีเรี่ยวแรงในการทำงานและเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ อาการเจ็บป่วยทางกายมักเป็นสิ่งที่สังเกตได้ชัด วัดและตรวจสอบได้ สามารถได้รับการรักษาให้ความเจ็บป่วยบรรเทาได้ ในขณะที่เรื่องราวของจิตใจมักอยู่ลึกลงไปนอกเหนือจากการมองเห็นด้วยตาหรือการสัมผัสเพียงอย่างเดียว ซึ่งมักสะท้อนออกมาผ่านทางความคิด ความรู้สึก และพฤติกรรมของบุคคล จิตใจที่ต้องการได้รับการช่วยเหลือจึงมักถูกพบเจอเมื่อมีอาการที่รุนแรงขึ้นจนกระทบต่อชีวิตประจำวันของตนเอง หน้าที่การงาน การเรียน รวมถึงความสัมพันธ์กับบุคคลรอบข้าง

6 วิธีสังเกตสัญญาณปัญหาสุขภาพจิตในครอบครัว
วันนี้ Mentalmate อยากชวนผู้อ่านมาสำรวจสัญญาณความต้องการการช่วยเหลือของใจตัวเราเองและคนใกล้ชิด เพื่อช่วยเป็นแนวทางเบื้องต้นของการพาใจรับฟังเสียงใจ และได้พยุงใจให้แข็งแรงไปด้วยกัน โดยสามารถสังเกตผ่านหัวข้อในชีวิตประจำวันของเราได้ดังนี้
- สำรวจการกิน: พฤติกรรมการกินของตัวเรา คนในครอบครัว หรือคนใกล้ชิดนั้นเป็นอย่างไรบ้าง กินอิ่มพอไหม กินน้อยไปหรือเปล่า ไม่ค่อยอยากกินอะไร หยุดกินไม่ได้เลย และพฤติกรรมการกินนี้เปลี่ยนแปลงไปจากเมื่อก่อนไหม
- สำรวจการนอนหลับพักผ่อน: พฤติกรรมการนอนหลับพักผ่อนของตัวเรา คนในครอบครัว หรือคนใกล้ชิดเป็นอย่างไรบ้าง เมื่อคืนนี้นอนหลับสนิทหรือเปล่า ตื่นกลางดึกไหม นอนหลับยากไหม มีหลับๆ ตื่นๆ นอนไม่หลับเลย หรือมักมีอาการง่วง อ่อนเพลียมากในช่วงกลางวันแม้จะนอนหลับในช่วงกลางคืนหรือเปล่า แล้วพฤติกรรมการนอนหลับนี้เปลี่ยนแปลงไปจากช่วงก่อนหน้านี้ไหม
- สำรวจปฏิสัมพันธ์: ปฏิสัมพันธ์ระหว่างตัวเรา คนในครอบครัว หรือคนใกล้ชิด ที่มีต่อคนอื่น ๆ เป็นอย่างไรบ้างนะ มีเพื่อนพูดคุย มีคนให้แบ่งปันเรื่องราวกัน รู้สึกอยากแยกตัว ไม่อยากคุยกับใคร หงุดหงิด ฉุนเฉียวง่ายกว่าปกติไหม แล้วปฏิสัมพันธ์ที่มีกับคนอื่นเปลี่ยนแปลงไปจากเมื่อก่อนไหม
- สำรวจการเคลื่อนไหวของร่างกาย: การขยับเคลื่อนไหวร่างกายเป็นอย่างไรบ้างนะ อยู่นิ่ง ๆ เป็นระยะเวลานานหรือเปล่า เคลื่อนไหวน้อยหรือช้าลงไหม เคลื่อนไหวรวดเร็วเหมือนมีแรงมากกว่าปกติหรือเปล่า แล้วการขยับเคลื่อนไหวของร่างกายนี้เปลี่ยนแปลงไปจากเมื่อก่อนไหม
- สำรวจการผ่อนคลาย: อะไรที่ทำแล้วรู้สึกผ่อนคลายบ้างนะ พักแล้วผ่อนแล้วแต่ยังรู้สึกไม่คลายหรือเปล่า สมาธิการจดจ่อลดลง หลงลืมง่ายขึ้นหรือเปล่า ความรู้สึกเหล่านี้เปลี่ยนแปลงไปจากเมื่อก่อนไหม
- สำรวจตนเอง: ความคิด อารมณ์ ความรู้สึกของเราเป็นอย่างไรบ้าง อะไรที่ทำให้เรามีความคิด อารมณ์ หรือความรู้สึกเหล่านั้นบ้าง สิ่งที่เราได้พบเจอในแต่ละวันมีความหมายกับใจเราอย่างไรบ้าง
เมื่อสำรวจผ่านทั้ง 6 หัวข้อแล้ว ลองมาสำรวจเพิ่มเติมว่าการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นนั้นส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน การทำงาน การเรียน และความสัมพันธ์กับผู้อื่นไหม และกระทบอย่างไรบ้าง เพราะหัวใจที่กำลังต้องการการช่วยเหลือ จึงส่งเป็นสัญญาณมาให้เรารับรู้ โดยอาจจะผ่านมาทางรูปแบบของพฤติกรรม ความคิด หรือความรู้สึกที่เปลี่ยนแปลงไปจากเมื่อก่อน รวมไปถึงผลที่เกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิตประจำวัน การเรียน การทำงาน และความสัมพันธ์กับผู้อื่น
อย่างไรก็ตาม สัญญาณของการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นนี้ไม่ได้เป็นตัวกำหนดว่าเราแตกต่างหรือแปลกแยกจากผู้อื่น ทั้งเรื่องราวที่พาให้ใจพองโตหรือเรื่องราวที่พาให้ใจฝ่อนั้นเป็นเรื่องราวที่ผู้คนสามารถรู้สึกได้โดยไม่มีกรอบจำกัดว่าผิดหรือถูก ในขณะเดียวกันนี่เป็นสัญญาณให้เราหยุดพัก มองเห็น สำรวจ และเข้าใจถึงที่มาที่ไปของพฤติกรรม ความคิดความรู้สึก ทั้งตัวเองและคนรอบข้าง ว่าตอนนี้หัวใจกำลังต้องการการช่วยเหลืออยู่นะ และคนสำคัญที่หัวใจอยากให้อยู่เคียงข้างมากที่สุดก็คือเจ้าของหัวใจนั่นเอง
ยิ่งไปกว่านั้น การได้รับกำลังใจและการสนับสนุนที่ดีจากบุคคลใกล้ชิด ทั้งครอบครัวและคนสนิท ก็เป็นแรงขับคลื่อนที่มีพลังอีกแรงหนี่ง การมองเห็นและรับฟังสัญญาณใจกันและกันจึงช่วยให้เราได้เตรียมพร้อมรับมือเพื่อพยุงใจให้เข้มแข็งได้ต่อไป
ในบทความต่อไป เราจะมาพูดคุยกันต่อในการรับมือเพื่อพยุงใจให้แข็งแรงไปด้วยกัน ติดตามต่อได้เร็วๆนี้
บทความโดย
ศุภาพิชญ์ แก้ววัชระรังษี (ฟิวส์)
นักจิตวิทยา
ภาพโดย
พัทธดนย์ เจริญผล
Web Master & Co-Founder